ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แล้วเสร็จ นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ได้ขอลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มเติมต่อจากที่อภิปรายไปแล้วเมื่อช่วงเช้า ซึ่งขอใช้เวลา 5 นาที เป็นเวลาในส่วนของนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมได้อนุญาตให้อภิปรายได้
ทั้งนี้นายวิสารได้อภิปรายว่าช่วงเช้าที่ตนได้อภิปรายไปนั้นมีคลิปหายไปทำให้เกิดการสื่อสารที่เข้าใจผิด จึงขออภิปรายเพิ่มเติม เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจคือการประหารชีวิตทางการเมือง แต่ก็ต้องให้โอกาสนายกฯ ได้ชี้แจงให้ชัดเจน และพูดถึงรายละเอียดที่มีการอนุมัติงบประมาณของ กสทช.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีข้อสังเกตการประมูลที่ใช้ระยะเวลาคัดเลือกสั้นมากโดยนายกฯ ส่อเจตนาทุจริตและพยายามล้มการคัดเลือกการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเร่งด่วน โดยเจาะจงบริษัทที่เข้ามาประมูลจนถูกร้องเรียน เพราะทำผิดกฎหมาย และแก้ไขสัญญาทีโออาร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายวิสารอภิปรายข้อมูลจบแล้วได้กล่าวว่า “ขอให้ฟังดีๆ คนที่อยู่ในตำแหน่งนายกฯ ของประเทศไทยวันนี้ สง่างามเหรอครับ ท่านประธานฯ ชวน หลีกภัย ขอให้เป็นเสาหลักกับพี่น้องประชาชนคนไทยด้วย ผมขอโอกาสนี้ประกาศไปถึงทั่วโลกว่า ณ ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จ่ายเงินให้ส.ส. 5 ล้านบาทอยู่ที่ชั้น 3 ตอนนี้ การทำแบบนี้อุกอาจมาก และทุจริต ต้องการอยู่ในตำแหน่งมากถึงขนาดนี้เหรอครับ ส.ส.ไปรับเงินที่ห้องนายกฯ 5 ล้านบาทตอนนี้ เป็นไปได้อย่างไร ประเทศไทยจะอยู่กับความตายของพี่น้องประชาชนแบบนี้เหรอ ล่มเถอะครับ หน้าไม่อาย ถึงเวลาแล้วที่วิญญาณทั้งหลายต้องสาปแช่ง ทำแบบนี้ได้อย่างไร ในสภาฯ จ่ายเงินคนละ 5 ล้านบาทตอนนี้อยู่ชั้น 3 ห้องนายกฯ”
จากนั้นนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในญัตติ ไม่รู้ว่าพูดเท็จในสภาฯหรือไม่ และญัตติที่เขียนมาก็เป็นตรรกะที่วิบัติ จะทำให้วัฒนธรรมของการอภิปรายไม่ไว้วางใจการเขียนญัตติเกิดความวิบัติในสภาฯ เป็นวัฒนธรรมที่ไม่ดี ขอให้ประธานสภาฯช่วยพิจารณาตั้งแต่การบรรจุญัตติที่ต้องสังคยากรรม ไม่เช่นนั้นสภาฯจะเสื่อม เป็นที่เบื่อหน่าย ส่วนข้อกล่าวหาว่ารับเงินนั้นเป็นความผิด ขอให้ไปแจ้งความ
นายชวน กล่าวว่า ตนก็เห็นด้วยว่าไม่ได้อยู่ในญัตติ แต่เมื่อพูดไปแล้วก็ขอให้ไม่ต้องต่อ เพื่อให้นายกฯได้มีโอกาสชี้แจงต่อไป ส่วนเรื่องญัตติทุกคนก็มีความรู้สึกคล้ายกันว่ารุนแรง ตนจึงเรียนว่าเวลาเราใช้คำว่าหน้าด้านนั้นอย่าใช้ เพราะข้อความในญัตติแรงกว่านั้นอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าไปเพิ่มเติมสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในญัตติ แต่เมื่อญัตติผ่านไปแล้วก็อนุญาตให้พูดตามญัตติได้ ส่วนเรื่องที่นายวิสารพูดยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในประเด็น แต่เมื่อถึงเวลาก็จะให้นายกฯชี้แจงเรื่องนี้
ขณะที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรื่องที่นายวิสารระบุ ตนเพิ่งลงมาจากห้องนายกฯ ตั้งแต่พ่อตนจนมาถึงตน ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียจากเรื่องเหล่านี้ และเรื่องยกมือหรือไม่ยกมือก็ไม่ต้องให้นายกฯแจกเงิน ข้อเท็จจริงก็คือพวกเราอยากขึ้นไปให้กำลังใจนายกฯ และนาน ๆ จะมีโอกาสพบนายกฯ ก็พูดถึงโครงการผันน้ำจากแม่น้ำยมมาแม่น้ำเจ้าพระยาขอให้ท่านช่วยติดตามด้วย และนายกฯ ก็รับปาก รวมถึงการทำโซนนิ่งในการเพาะปลูก ตนก็เขียนรายละเอียดท่านเรียบร้อย และก็เพิ่งจะลงมา ถามว่าเอาเงินเอาเอาทองอะไร จะดูถูกกันเกินไปแล้ว ส.ส.ที่ไหนจะไปรับเงินที่ละ 4-5 ล้าน และจะมาแจกอะไรในพื้นที่นี่ เหลวไหล ขอให้ถอนคำพูดด้วย
จากนั้นนายชวน กล่าวว่า นายวิสารไม่ได้บอกว่าส.ส.ขึ้นไปรับเงิน แต่บอกว่านายกฯแจกเงิน 5 ล้าน ตนเห็นด้วยว่าข้อประท้วงไม่อยู่ในประเด็นการอภิปราย แต่เราก็ให้โอกาสนายกฯชี้แจง ถ้าจริงก็เสียหาย ถ้าไม่เจริงก็โกหกก็เสื่อมเสียต่อผู้พูดเอง เมื่อมีการกล่าวหาแล้วก็ต้องมีการชี้แจงตามระบบและกระบวนการ
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นขอหารือว่า ข้อกล่าวหาที่นายวิสารระบุนั้นเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง บ้านเมืองเรากำลังจะย้อนยุคไปสมัยก่อนจ่ายเงินกันในห้องน้ำในรัฐสภา ดังนั้นขอให้ไปถอดเทปชั้น 3 ทั้งหมดตอนนี้เพราะตนได้ยินข่าวว่ามีคนที่กำลังจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับห้องโสตในส่วนที่ดูแลกล้องวงจรปิด ซึ่งสภาฯเรามีกล้องวงจรปิดทุกชั้น
ทั้งนี้นายชวนพยายามควบคุมการประชุมให้เป็นไปตามข้อบังคับ และแจ้งว่านายกรัฐมนตรี จะมาชี้แจงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จากนั้นได้ให้น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายต่อ
