สำนักข่าวซินหัวรายงานถึงการวิจัยครั้งนี้ว่า คณะนักวิจัยจากนอร์ธเวสเทิร์น เมดิซิน สถาบันดูแลสุขภาพในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ได้เลือกใช้ข้อมูลจากยูเค ไบโอแบงก์ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลชีวการแพทย์และทรัพยากรการวิจัยของสหราชอาณาจักร นักวิจัยนำข้อมูลเหล่านั้นมาตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกบันทึกในปี 2006-2010 กับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ช่วงเดือนมีนาคม-ธันวาคม 2020 ซึ่งช่วงนั้น ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน การวิจัยนี้ให้ความสนใจกับองค์ประกอบในอาหาร รวมถึงการรับประทานกาแฟ ชา ผัก ผลไม้ ปลาที่มีไขมัน เนื้อสัตว์แปรรูป และเนื้อแดง
หลังการวิจัยจากข้อมูลเหล่านั้น ก็พบว่าการดื่มกาแฟมากกว่า 1 แก้วต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด 19 ลงได้ประมาณร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับการดื่มกาแฟน้อยกว่า 1 แก้วต่อวัน ส่วนการบริโภคผักปรุงสุกหรือผักดิบอย่างน้อย 0.67 หน่วยบริโภคต่อวัน แต่ไม่รวมมันฝรั่ง ก็สามารถลดการเสี่ยงติดเชื้อได้เช่นกัน นอกจากนั้นการได้รับน้ำนมแม่ตั้งแต่เด็ก สามารถลดความเสี่ยงติดเชื้อลงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่เคยได้รับน้ำนมแม่ ในทางตรงข้าม หากมีการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปเพียงแค่ 0.43 หน่วยบริโภคต่อวัน กลับมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้สูง
นักวิจัยได้กล่าวว่า กาแฟเป็นแหล่งคาเฟอีน แต่อาจมีสารประกอบอื่นอีกหลายสิบชนิดที่ทำให้ลดความเสี่ยงลงได้ อย่างไรก็ดี คณะนักวิจัยยังไม่ทราบแน่ชัดถึงกลไกเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบในอาหารกับเชื้อโควิด 19
ทั้งนี้ การวิจัยที่เกี่ยวกับโควิด 19 ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ปัจจัยส่วนบุคคลที่ได้รับการประเมินหลังมีผลตรวจว่าติดเชื้อโควิด 19 แต่การวิจัยที่พบว่าการรับประทาน ผัก กาแฟ มีส่วนช่วยป้องกันการติดโควิด 19 นั้น นับเป็นการวิจัยที่เป็นเหมือนการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ท่ามกลางการระบาดที่ยังคงอยู่ในสภาวะวิกฤตทั่วทุกมุมโลก