ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐ เดินทางถึงญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ในระหว่างการเดินทางเยือนกรุงโตเกียวเป็นเวลา 3 วัน ไบเดนจะเจรจาทวิภาคีกับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดของกลุ่มพันธมิตรหรือที่เรียกว่ากลุ่ม “ควอด” ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐ, อินเดีย, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของสหรัฐฯในการจำกัดอิทธิพลที่กำลังขยายตัวของจีน
ทั้งนี้ ไบเดนมีกำหนดการที่จะพบกับผู้นำธุรกิจของญี่ปุ่น รวมถึงประธานบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ที่บ้านพักของเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว จากนั้นจะเข้าเฝ้าจักรพรรดินารุฮิโตะ ก่อนจะพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการที่จะขยายขีดความสามารถทางการทหารของญี่ปุ่นเพื่อรับมือกับกองกำลังทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดนจะเปิดตัว “กรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก” หรือ IPEF ซึ่งเป็นแผนที่จะทำให้ประเทศในภูมิภาคมีความแน่นแฟ้นกับสหรัฐฯมากขึ้น ผ่านการร่วมมือด้าน ห่วงโซ่อุปทาน พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐาน และการค้าดิจิทัล ซึ่งสหรัฐฯ ได้ขาดความร่วมมือ หรือทิ้งร้างจากการสร้างเสาหลักทางเศรษฐกิจเพื่อรักษาอิทธิพลในอินโดแปซิฟิกตั้งแต่สมัยที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ TPP ทำให้จีนขยายอิทธิพลในภูมิภาคได้มากขึ้น
แต่สำหรับประกาศความร่วมมือ IPEF ในครั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า จะเป็นเพียงการส่งสัญญาณการเริ่มต้น มากกว่าจะมีการเจรจาที่ได้ผลจริงจัง เพราะยังไม่มีการเสนอผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ทำให้ขาดแรงจูงใจในทางปฏิบัติ เช่นการเพิ่มโควตาการนำเข้าสินค้า หรือมาตรการลดภาษี
ส่วนในการประชุมสุดยอดของกลุ่มควอดซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สอง ประเทศทั้งสี่ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของจีน แต่ หลีกเลี่ยงวาระการต่อต้านจีนอย่างเปิดเผย โดยในการประชุมสุดยอดครั้งที่แล้วเมื่อเดือนมีนาคม ผู้นำกลุ่มควอดต่างเห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับยูเครนไม่ควรเกิดขึ้นในอินโด-แปซิฟิก ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงภัยคุกคามที่จีนก่อขึ้นต่อไต้หวัน