ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนกระทั่งเวลา 16.45 น. วันที่ 24 มิ.ย. ที่รัฐสภา หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาอภิปรายจนครบถ้วนทุกคนและตัวแทนของผู้เสนอญัตติทั้ง 13 ร่าง ได้กล่าวอภิปรายสรุปเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้ชี้แจงขั้นตอนการลงมติรับหลักการวาระ1 โดยใช้การขานชื่อสมาชิกทีละคนตามลำดับตัวอักษร พร้อมให้กล่าวแสดงการลงมติในแต่ละร่างว่า จะรับหลักการ ไม่รับหลักการ หรืองดออกเสียง เรียงตามลำดับต่อเนื่องกันไปจนครบทั้ง 13ฉบับ ในครั้งเดียว จากนั้นที่ประชุมได้แต่งตั้งสมาชิกเป็นตัวแทนนับคะแนน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการลงมติตัวแทนวิป 3ฝ่ายได้หารือภายในวิปของตัวเอง เพื่อวางแนวทางการลงมติในวาระแรก ในส่วนของวิปวุฒิสภาได้หารือกันแล้ว เสียงส่วนใหญ่มีความเห็นลงมติเห็นชอบเฉพาะร่างที่ 13 คือร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคร่วมรัฐบาลที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 83 และ91 เรื่องวิธีการเลือกตั้งให้กลับมาใช้เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบคือ ส.ส.เขต 400 คน และส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่1 ของพรรคพลังประชารัฐนั้น วุฒิสภาเห็นตรงกันจะไม่ให้ความเห็นชอบ เนื่องจากมีเนื้อหาไปแก้ไขมาตรา 144 และ185 เรื่องการตัดบทลงโทษส.ส.และส.ว.ที่เข้าไปแทรกแซงเรื่องการแปรญัตติงบประมาณ และรวมถึงการให้ส.ส.และส.ว.เข้าไปก้าวก่ายการทำงานของหน่วยราชการได้ ซึ่งส.ว.มองว่า เป็นการทำลายหลักการสำคัญเรื่องการป้องกันการปราบโกงในรัฐธรรมนูญปี 2560
ขณะที่วิปรัฐบาลมีมติเห็นชอบร่างที่ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ ร่างที่ 3 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่เสนอแก้ไขเรื่องวิธีการเลือกตั้ง ให้กลับมาใช้เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ร่างที่ 6 ของพรรคภูมิใจไทย เรื่องการเสนอให้แก้ไขยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ร่างที่ 7 ของพรรคภูมิใจไทย เรื่องการแก้ไขหมวด 5 และมาตรา 55/1 การกำหนดให้รัฐบาลมีหลักประกันเรื่องรายได้ให้กับประชาชนที่มีฐานะยากจน ร่างที่8 ของพรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้เพิ่มสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการเข้าถึงการกระบวนการยุติธรรมได้อย่างง่าย รวดเร็ว ทั่วถึง และร่างที่13 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคร่วมรัฐบาลที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 83 และ 91 เรื่องวิธีการเลือกตั้งให้กลับมาใช้เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส่วนวิปฝ่ายค้านมีมติให้รับหลักการในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 13 ฉบับ