ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า การจัดซื้อวัคซีนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. เตรียมให้แจ้งไปยัง อปท.ว่า สามารถจัดซื้อวัคซีนได้ ทั้ง 5 ชนิดที่อย. รับรอง แต่ต้องอยู่ในแผนของ ศบค. รวมถึงให้ติดต่อการซื้อผ่านรัฐ ส่วนผู้ที่รู้ดีคือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดที่มีข้อมูลกลุ่มเสี่ยง ดังนั้นเชื่อว่าจะไม่มีความสับสนเกิดขึ้นอีก
“ที่ผ่านมา อปท. ต้องการเข้ามาช่วยดูแลสถานการณ์ ทั้งการป้องกัน สกัดโรค รวมถึงการรักษา แต่ตามกฎหมายเรื่องการซื้อวัคซีน สามารถทำได้ เพราะคือการรักษาและฟื้นฟู แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น คือมีคำแนะนำของผู้ตรวจการแผ่นดิน ไปยังกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ระบุว่าในการจัดหาวัคซีนระยะแรกขอให้รัฐเป็นผู้จัดหา ส่วนการจองและซื้อวัคซีนนั้น สาธารณสุขได้ติดต่อและจองซื้อนานแล้ว และกระจายวัคซีนเพื่อฉีดให้ประชาชน” พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจง
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าอปท.ต้องการช่วย แต่มีสิ่งที่ต้องพิจารณา คืองบประมาณของอปท. และการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่ต้องทำให้ได้ 70% ของประชากร โดยคำว่าประชากรนั้น จะหมายถึงประชากรทั้งประเทศ หรือของแต่ละจังหวัด ดังนั้นหากให้ อปท.จัดซื้ออาจเกิดความเหลื่อมล้ำ และไม่เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ตามหลักการสาธารณสุข ต้องการให้ขึ้นพร้อมกันทั้งประเทศ สำหรับการดูแลสถานการณ์โควิด-19 จำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะไม่ใช่แต่ต้องการบูรณาการหรือทำให้อำนาจเป็นเอกภาพเท่านั้น แต่มีแง่ทางกฎหมาย ทั้งนี้นักการเมืองและรัฐมนตรีทุกคนต้องรับผิดชอบ เพราะร่วมเป็นศบค.