AFP รายงานโดยอ้างข้อมูลล่าสุดของคณะผู้เชี่ยวชาญอิสราเอลที่ออกมากล่าวว่าผลจากการที่อิสราเอลสั่งฉีดวัคซีนเข็มสามเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับชาวอิสราเอลที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปทุกคนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่เริ่มตระหนักว่าภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มสองเริ่มลดลงหลังฉีดได้ 5 เดือน ซึ่งตอนนั้นได้ส่งผลให้อิสราเอลเริ่มการระบาดระลอก 4 โดยจำนวนผู้ป่วยอาการหนักเริ่มทะยานขึ้นอีกครั้งจาก 70 คนในเดือนกรกฎาคม พุ่งขึ้นเป็น 600 คนในเดือนสิงหาคม แต่หลังจากที่ฉีดบูสเตอร์ ปรากฎว่าจำนวนผู้ป่วยอาการหนักหยุดพุ่งขึ้นทันที และล่าสุดยังสามารถควบคุมอยุ่ได้ในระดับต่ำกว่า 700 คน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อปกติก็ลดต่ำลง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการที่ระดับภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงบวกกับโควิดสายพันธุ์เดลต้า ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดบูสเตอร์ และข้อมูลล่าสุดชี้ชัดว่านโยบายการฉีดเข็มสามของอิสราเอลเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และว่าหากเราฉีดเข็มสาม โอกาสรอดตายจะสูงกว่าคนที่ฉีดแค่สองเข็ม 20 เท่า
นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ต ผู้นำอิสราเอลเคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าอิสราเอลจะไม่กลับไปล็อคดาวน์อีกครั้งอย่างแน่นอน แม้ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อจะสูงกว่า 1 หมื่นคนต่อวัน และล่าสุดก็ได้สั่งเปิดโรงเรียน และสถานที่ต่างๆทั่วประเทศ แต่อิสราเอลจะใช้วิธีฉีดเข็มสามเพื่อกระตุ้นภุมิคุ้มกัน และให้ประชาชนตรวจโควิดโดยสม่ำเสมอก่อนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ โดยเชื่อว่าวัคซีนเข็มสามช่วยให้ชาวอิสราเอลสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆได้โดยไม่ต้องล็อคดาวน์