นักวิทย์ฯประกาศ แนวปะการังเกิดการฟอกขาวทั่วโลกเป็นครั้งที่ 4 ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จากวิกฤตโลกเดือด ทำอุณหภูมิน้ำทะเลพุ่ง
รายงานของหน่วยงานเฝ้าระวังแนวปะการัง ขององค์กรบริหารมหาสมุทรแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) ซึ่งเป็นองค์กรติดตามแนวปะการังชั้นนำของโลกระบุว่า แนวปะการังที่อยู่ในประเทศอย่างน้อย 54 ประเทศ เกิดการฟอกขาวจำนวนมาก นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ตามแนวชายฝั่งตั้งแต่ออสเตรเลีย เคนยา ไปจนถึงเม็กซิโก
เดเร็ก แมนเซลโล ผู้ประสานงานของหน่วยงานเฝ้าระวังแนวปะการังกล่าวว่า มากกว่าร้อยละ 54 ของพื้นที่แนวปะการังในมหาสมุทรทั่วโลก กำลังเผชิญกับความเครียดจากความร้อน จนทำให้เกิดการฟอกขาว จึงประกาศให้เป็นการฟอกขาวทั่วโลกครั้งที่ 4 ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเกณฑ์การฟอกขาวครั้งใหญ่คือ การฟอกขาวจะต้องเกิดขึ้นในมหาสมุทรทั้งสาม ได้แก่ แอตแลนติก แปซิฟิก และอินเดีย ภายในระยะเวลา 365 วัน
โดยการฟอกขาว 3 ครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นในปี 2541, 2553 และ 2557 ถึง 2560 ซึ่งเป็นปีที่เกิดเอลนิโญ เช่นเดียวกับปีนี้ เอลนิโญนำไปสู่อุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น และอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในปีที่ผ่านมา ทำลายสถิติที่เริ่มบันทึกตั้งแต่ปี 2522 หรือ 45 ปีที่แล้ว
ที่ เกรตแบร์ริเออร์รีฟของออสเตรเลีย การสำรวจทางอากาศเมื่อเร็วๆ นี้แสดงให้เห็นว่า มีการฟอกขาวในระดับ “สูงมาก” หรือ “สุดขีด” ในปะการังเกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการฟอกขาวครั้งที่ 5 ของเกรตแบร์ริเออร์รีฟในรอบเพียง 9 ปี ซึ่งบ่อยกว่า 2 ครั้งต่อ 10 ปีที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ในช่วงทศวรรษ 2030
การฟอกขาวทั่วโลกครั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้แสดงความกังวลว่า แนวปะการังหลายแห่งในโลก จะไม่ฟื้นตัวจากความเครียดจากความร้อนที่รุนแรงและยาวนาน ถึงแม้ปะการังฟอกขาวสามารถฟื้นตัวได้หากน้ำเย็นลง แต่หากปะการังเจอกับภาวะเครียดรุนแรง ก็มีโอกาสที่ปะการังเหล่านี้จะตายลง และนักวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์แนวปะการังนานาชาติปาเลาประเมินว่า จะใช้เวลาอย่างน้อยเก้าถึง 12 ปี กว่าแนวปะการังจะฟื้นตัวเต็มที่ จากการฟอกขาวครั้งใหญ่ พร้อมระบุว่า การอยู่รอดของปะการังมีทางเดียวคือ การที่โลกต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อจำกัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ