วันที่ 23 เม.ย.-กรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารเผยแพร่ข่าวผ่านเพจเฟซบุ๊ก “ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์” เรื่องมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า กรมราชทัณฑ์ยกระดับเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ หลังพบสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศยังมีแนวโน้มการระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดเพิ่มเติม 2 แนวทาง คือ
1.การสกัดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มผู้ต้องขังเข้าใหม่ โดยให้ตรวจเชื้อผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกราย อย่างน้อย 2 ครั้ง คือหลังจากรับตัวเข้าห้องแยกกักโรค ภายในระยะเวลา 3 วันแรก และก่อนออกจากห้องแยกกักโรคอีก 1 ครั้ง เพื่อยืนยันว่าไม่มีเชื้อ
2. การป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยให้ดำเนินการด้วยกัน 2 แนวทาง คือ 1) การจัดหาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อฉีดให้แก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน 2) ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนเข้ารับการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้องทำการตรวจหาเชื้อในทุก 14 วัน โดยเฉพาะในเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง และได้กำชับบุคลากรของกรมราชทัณฑ์ทุกคน ให้งดการเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง และปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการนำเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ภายในเรือนจำ
มาตรการที่เพิ่มเติมขึ้นมาดังกล่าว เป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันการนำเชื้อจากภายนอกเข้าสู่เรือนจำ ซึ่งคาดว่าการดำเนิน การดังกล่าวจะสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดไม่ให้เข้าไปในพื้นที่เรือนจำชั้นในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ที่มีรายงานว่าพบผู้ต้องขังติดเชื้อ 37 รายนั้น กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า การพบการติดเชื้อดังกล่าว เป็นการพบเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มผู้ต้องขังเข้าใหม่จำนวน 118 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังที่ยังอยู่ในกระบวนการแยกกักโรคเป็นระยะเวลา 14 วันก่อนเข้าเรือนจำชั้นใน โดยขณะนี้ทั้ง 37 รายได้พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสนามภายในเรือนจำ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย เพื่อแบ่งเบาภาระของสถานพยาบาลภายนอก