นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงกรณีผู้ป่วยหญิงอายุ 26 ปี ติดเชื้อโควิด ตรวจพบเชื้อวันที่ 10 เม.ย. แต่กลับเดินทางไปยัง จ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 11 เม.ย. ที่ผ่านมานั้น ว่า รู้ตัวว่าติดโควิด…ต้องกักตัว รู้ตัวว่าติดโควิดที่กรุงเทพยังขึ้นเครื่องบินกลับนครศรีธรรมราช …!!!!
รู้แล้วยังเดินทางโดยเครื่องบิน ใจคุณทำด้วยอะไร? พาผู้โดยสารทั้งหมดไปเสี่ยง ไม่ใช่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พฤติการณ์เรียกว่า “จงใจ” กฎหมายแพ่ง ให้จ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ได้รับความเสียหาย ติดเชื้อกักตัวทำมาหากินไม่ได้ คุณต้องรับผิดชอบ ค่าเสียหายรวมถึงการรักษาพยาบาล รวมกี่ราย ระวังแพง จะรับไม่ไหว รัฐก็เสียหายต้องรักษาดูแลคนที่ติดเชื้อจากคุณ รัฐเรียกค่าเสียหายจากคุณได้ กฎหมายอาญา มีโทษจำคุกและปรับด้วย ขอให้ผู้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ด้วยครับ กระทรวงสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยกันแจ้งความดำเนินคดี เราจะไม่ปล่อยให้กฎหมายเป็นแค่ตัวหนังสือ
สำหรับกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ปกปิดข้อมูลในไทม์ไลน์ หรือไม่แจ้ง ข้อเท็จจริงสามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ โดยเป็นการเข้าข่ายการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชกำหนดฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ. ศ. 2558 ซึ่งมีความผิด ดังมาตรา 31 มาตรา 34 มาตรา 50 และมาตรา 51 การปกปิดข้อมูลเข้าข่ายความผิดฐานขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกแก่เจ้าพนักงาน ควบคุมโรคติดต่อมาตรา 55 มาตรา 45 วรรค3 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท
นอกจากนี้ผู้ที่ให้ข้อมูลทำลายเป็นเท็จหรือบิดเบือนไม่สอดคล้องปกปิดหรือมีการปฏิเสธยังมีความผิดตามมาตรา 9 ในพ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับที่ 17 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ