ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐและประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ได้พบปะเจรจากันในการประชุมสุดยอด เมื่อวันพุธที่ผ่านมา บรรยากาศแห่งการเจรจาเป็นไปอย่างผ่อนคลาย เนื่องจากผู้นำทั้งสองพยายามแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวังและเป็นไปในเชิงบวก การพูดคุยครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง โดยไบเดนได้กล่าวว่า สหรัฐไม่ได้ต้องการให้เกิดสงครามเย็นครั้งใหม่
ภายหลังการประชุม ประธานาธิบดีแห่งรัสเซียได้ออกมากล่าวกับสื่อมวลชนว่าการสนทนาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ พร้อมเสริมว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างเห็นชอบให้เอกอัครราชทูตได้กลับมาประจำตำแหน่งเช่นเดิม
ด้านประธานาธิบดีสหรัฐ ได้กล่าวว่า เขาและปูตินได้สำรวจการทำงานร่วมกันในพื้นที่ที่อดีตมีผลประโยชน์ทับซ้อนกัน รวมถึงอาร์กติก อิหร่าน และซีเรีย ซึ่งสองประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุด จะมีความรับผิดชอบร่วมกันในเวทีโลก
อย่างไรก็ตาม ไบเดนได้เตือนรัสเซียอย่างเฉียบขาดเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ใดๆก็ตาม โดยไบเดนได้กล่าวว่า มีพื้นที่ 16 แห่งที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของสหรัฐ ซึ่งพื้นที่เหล่านั้น ควรถูกจำกัด และหากถูกละเมิด สหรัฐก็พร้อมจะตอบโต้ในรูปแบบไซเบอร์เช่นกัน
ด้านการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องโลกจะได้เห็นสงครามเย็นในศตวรรษที่ 20 เมื่อสหรัฐและรัสเซียใช้เวลาหลายสิบปีอยู่ในความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ก่อนที่สหภาพโซเวียตจะล่มสลายในที่สุด ไบเดนกล่าวว่าปูตินรู้ถึงความต้องการของตนว่า สิ่งสุดท้ายที่สหรัฐต้องการคือสงครามเย็น
ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐและรัสเซียต้องพังลงตั้งแต่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมเพราะหลังจากที่ไบเดนเปรียบปูตินเป็น นักฆ่า ในเดือนมีนาคม รัสเซียได้ให้อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตของรัสเซียในสหรัฐกลับมา และด้านจอห์น ซัลลิแวน ทูตสหรัฐประจำรัสเซียก็ต้องเดินทางกลับเช่นเดียวกัน