หลังจากที่พายุพัดเข้าทางภาคเหนือ ทำให้เกิดฝนตกกระจายทั่วพื้นที่ ต้องเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเขื่อนเจ้าพระยาจึงมีความจำเป็นต้องเปิดประตูน้ำเพิ่มการระบายน้ำอยู่ที่ 2,771 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คันดินกั้นน้ำบริเวณ หมู่ 3 และ 4 ตำบลอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี พังทลายลง น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและสถานที่ราชการอย่างรวดเร็ว ประชาชนต้องอพยพขนย้ายทรัพย์สินส่วนตัวหนีน้ำขึ้นที่สูง และออกมากปักหลักพักอาศัยชั่วคราวอยู่ที่ริมถนนสิงห์บุรี-ชัยนาท เป็นระยะยาว 1-2 กิโลเมตร
ด้าน นายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบคันกั้นน้ำติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหมู่ 3 และหมู่ 4 อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาอุทกภัย เผยว่า คันกั้นน้ำได้พังทลายลง เนื่องจากกระสอบทรายที่ใช้กั้นน้ำมันเปื่อยขาดและทนกระแสน้ำไม่ไหวหลังจากเขื่อนแม่น้ำเจ้าพระยาปล่อยน้ำเพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 ในช่วง เวลา 9.00 น. จึงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลในพื้นที่โดยด่วน เนื่องจากน้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่บ้านพักอาศัยของประชาชนอย่างรวดเร็ว ต่อมาเวลา 13.00 น. ได้นำถุงบิ๊กแบ็ค เข้าอุดรอยรั่ว สูงประมาณ 2 เมตร สามารถกั้นน้ำได้ช่วงเวลาหนึ่งแต่ก็ทนแรงดันน้ำไม่ไหวได้พังทลายลงมาอีกครั้ง เจ้าหน้าที่จึงใช้บิ๊กแบ็คกั้นให้สูงขึ้นมาอีก 50 เซนติเมตร เป็น 2.50 เมตร จึงสามารถกั้นน้ำไม่ให้ไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนได้สำเร็จในช่วง เวลา 01.00 น.
ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ ได้ส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจภายใน พบว่ามีปริมาณน้ำขังอยู่ประมาณ 900,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เตรียมเครื่องสูบน้ำจำนวน 14 เครื่อง รอเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและกรมชลประทาน ถ้าไม่มีอะไรคาดเคลื่อนคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน น้ำในพื้นที่จะหมดไป
ส่วนเรื่องอาหารการกินและที่พักอาศัยในตอนนี้ได้สั่งให้มีการเตรียมอาหารปรุงสดใหม่และถุงยังชีพ เข้านำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในครั้งนี้แล้ว
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ดังกล่าว พบว่าบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำเข้าท่วมสูงประมาณ 1.50-2.50 เมตร เนื่องจากปริมาณน้ำในวันนี้สูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้เจ้าหน้าที่ด้านวิศวกรการช่างดูแลคันกั้นน้ำ ต้องนำบิ๊กแบ็คมาลงเพิ่มสูงขึ้นอีก 50 เซนติเมตร เป็น 3 เมตร เพื่อรักษาระดับน้ำไม่ให้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเพิ่มมากขึ้น พร้อมอีกทั้งยังเป็นการรักษาแรงดันน้ำไม่ให้คันกั้นน้ำพังทลายลงมาอีกครั้ง เมื่อลงบิ๊กแบ็คเสร็จก็จะทำการสูบน้ำออกไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาและกรมชลประทาน ตามที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีวางแผนไว้
ขณะที่ทีมข่าวกำลังสำรวจพื้นที่ได้สังเกตเห็น ด.ญ.สิลิลดา อยู่ทรัพย์ หรือ น้องแก้ม อายุ 11 ปี กำลังนั่งดูแท็บเล็ตอยู่ จึงได้เข้าไปสอบถามว่ากำลังทำอะไรอยู่ น้องแก้ม เผยว่า ตนกำลังนั่งเรียนหนังสือออนไลน์อยู่ที่บ้าน เนื่องจากติดสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19ระบาด และสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้ไม่สามารถไปโรงเรียนได้ ทั้งๆ ที่มีนัดอัดคลิปวีดีโอทำการบ้านส่งอาจารย์ในวิชานาฏศิลป์กับเพื่อนๆ เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นจึงต้องยกเลิกทุกอย่างและเรียนหนังสือออนไลน์อยู่ที่บ้าน ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยลดระดับน้ำให้ลดลงโดยไว จะได้ไปเรียนหนังสือและได้ทำกิจกรรมเล่นกับเพื่อนๆตามประสาวัยเด็ก
