วันที่ 24 กรกฎาคม – นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช …. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในชั้นกมธ. ว่า ทางกมธ.ได้มีการงดประชุมตามคำดำริของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้สั่งงดการประชุมตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) โดยเดิมทีจะเปิดประชุมสภาฯ ในวันที่ 29-30 กรกฎาคม แต่ได้เลื่อนมาเปิดประชุมสภาฯ อีกครั้งในวันที่ 4-5 สิงหาคม
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า หากสถานการณ์ดีขึ้นหรือมีมาตรการสามารถใช้ต่อการประชุมกมธ.ได้ ก็จะดำเนินการต่อไป โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐในฐานะประธาน กมธ. ได้สั่งให้มีการงดประชุมกมธ. และจะมาประชุมอีกครั้งในวันที่ 4 และวันที่ 6 สิงหาคม เพื่อจะได้พิจารณากรอบทั้งหมดตามที่กำหนดเอาไว้ หากได้ประชุมคาดว่ารายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับระบบการเลือกตั้งอย่างเดียว และหากทุกฝ่ายได้ร่วมกันให้มีคณะทำงานรวมถึงเสนอต่อกมธ. จะประชุมไม่เกิน 4 ครั้งก็จะสามารถได้ข้อยุติได้ ซึ่งในขณะนี้มีส.ส.และกมธ.ผู้แปรญัตติได้เสนอคำแปรญัตติไว้แล้ว โดยเลขาฯ กมธ.ได้รวบรวมคำแปรญัตติต่างๆ ให้กับนายไพบูลย์ไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้หากกมธ.ประชุมในครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 เสร็จ ตนคาดว่าจะสามารถเชิญผู้แปรญัตติมาเสนอความเห็นในชั้นแปรญัตติหรือสงวนความเห็นได้
เมื่อถามว่า หากให้ประเมินความคืบหน้าอยู่ที่กี่เปอร์เซนต์แล้ว นายชินวรณ์ กล่าวว่า ยังไม่คืบหน้า เพียงแต่ว่าเราได้มีการประเมินสถานการณ์ว่าหากได้มีการประชุมก็จะสามารถหารือถึงวิธีการและมาตรการในการทำงานในช่วงวิกฤตโควิด กมธ.จะสามารถทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพได้อย่างไร และบางประเด็นที่ยังมีความคิดเห็นไม่สอดคล้องกันก็อาจจะตั้งคณะทำงานเพื่อที่จะได้พิจารณาไปพร้อมกันซึ่งครั้งที่ 4 ก็สามารถสรุปความเห็นได้ หากเป็นเช่นนั้นก็สามารถที่จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหลังประชุมพิจารณางบประมาณในวาระที่ 3 ได้เลย เพราะคาดว่าจะทันในสมัยประชุมนี้
เมื่อถามต่อว่า คาดว่าจะทันในสมัยประชุมนี้ใช่หรือไม่ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ตนเป็นผู้เสนอร่างฉบับของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ฉะนั้นเราก็มีความมั่นใจที่อยากจะเห็นการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญนี้ประสบผลสำเร็จ อย่างน้อยก็เหมือนที่ตนเคยพูดว่า หากเราสามารถเปลี่ยนระบบการเลือกตั้งได้ เท่ากับว่าเราได้เปลี่ยนบริบททางการเมือง หากว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็จะทำให้การเมืองไม่วนไปสู่จุดเดิม ซึ่งหากการเมืองวนไปสูจุดเดิมก็จะยิ่งมีปัญหามากขึ้น
เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากในขณะนี้ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีหรือไม่ อย่างไร นายชินวรณ์ กล่าวว่า โดยทั่วไปตามข้อบังคับไม่สามารถประชุมผ่านระบบทางไกลหรือซูมได้ เนื่องจากเป็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งถือว่าเป็นร่างกฎหมาย แต่ตนคิดว่าเราต้องหามาตรการ ไม่ใช่เฉพาะร่างกฎหมายนี้อย่างเดียว ซึ่งตนได้เสนอแนะต่อประธานสภาและที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายไปครั้งหนึ่งแล้วว่า เราต้องหารมาตรการสำหรับการทำงานในสถานการณ์โควิดให้ได้ ไม่ใช่ว่าหากยังมีการแพร่ระบาดของโควิดอยู่เราก็จะไม่ทำงานก็เป็นไปไม่ได้ ก็ต้องหาวิธีการว่าจะทำงานในสถานการณ์โควิดได้อย่างไรต่อไป
