No data was found

ฮั้วแก้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนระบบเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ คิดเอาแต่ได้ระวังตายเพราะทักษิณ

จับตา 15 วัน หลังผ่านวาระ 3 พรรคเล็ก ส.ส. ส.ว. จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ปมแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังหลายฝ่ายออกโรงทักท้วงแก้ระบบเลือกตั้งชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไร พรรคใหญ่สมใจพรรคเล็กหวั่นสูญพันธุ์ หนำซ้ำเสี่ยงเข้าทางทักษิณเข้าตีนเพื่อไทย

ผลการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องระบบการเลือกตั้งของ 2 สภาก็ออกมาเป็นเอกฉันท์อย่างที่ทุกคนทราบดีเมื่อ 10 ก.ย.2564 หลังส.ส.และส.ว. จำนวน 472 คน เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.83 และ ม.91 โดยให้การเลือกตั้งกลับไปใช้รูปแบบเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือระบบผสมเสียงข้างมาก (Mixed Member Majoritarian System – MMM) โดยกำหนดให้การเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ มีส.ส. 500 คน แบ่งเป็นแบบแบ่งเขต 400 คน แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ใบแรกเลือก “คนที่รัก” ใบที่สองเลือก “พรรคที่ชอบ” ส่วนการคิดคะแนนของส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เดิมใช้วิธีเอาคะแนนทั้งประเทศมาร่วมกันแล้วคำนวณ อดีตต้องได้เสียง 350,000-400,000 คะแนนเป็นอย่างน้อยถึงจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

เสร็จวาระ 3 ก็เป็นอันว่ารัฐสภามีเสียงเอกฉันท์ให้ยกเลิกระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม (Mixed Member Apportionment – MMA) ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 และใช้เป็นกติกาในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว โดยใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่สามารถเลือก ส.ส.ได้ทั้งแบบเขต 350 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 150 คน หัวใจสำคัญของระบบนี้คือทุกคะแนนมีความหมาย เอาคะแนนเสียงตกน้ำของคนแพ้มาคิดหมด ใช้สูตรคำนวณส.ส.แบบพึงมี โดยการนำคะแนนรวมที่แต่ละพรรคได้รับมาแบ่งเป็นสัดส่วนก่อนว่า แต่ละพรรคจะต้องได้ตำแหน่ง ส.ส.ทั้งหมดเท่าไหร่ แล้วนำมาหักลบกับ ส.ส.แบบแบ่งเขต ก็จะทำให้ได้จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค เพราะฉะนั้นหากพรรคใดได้ที่นั่ง ส.ส.แบบแบ่งเขตมาก พรรคนั้นอาจจะได้ที่นั่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อน้อย โอกาสที่พรรคใดพรรคหนึ่งจะได้คะแนนเสียงเลือกตั้งแบบถล่มทลายหรือที่เรียกว่า “เเลนด์สไลด์” จึงแทบเป็นศูนย์ เลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.2562 เห็นได้ชัดว่าแม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งอันดับ 1 โดยกวาดส.ส.ระบบเขตไป 136 คน แต่กลับไม่ได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเลย ต่างจากพรรคอนาคตใหม่ที่กวาดส.ส.ระบบเขตไปได้แค่ 30 คน แต่มีเสียงตกน้ำของคนที่รักหัวหน้าพรรคชอบพรรคส้มหวานทั่วประเทศช่วยให้โกยส.ส.บัญชีรายชื่อไปได้ถึง 50 คน รวมถึงมีพรรคเล็กพรรคน้อยที่ได้อานิสงฆ์การคิดคะแนนแบบนี้ถึง 20 พรรค โกยส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวนต่ำสิบ รวมกันไปได้ถึง 43 คน ตรงนี้แหละจึงกลายเป็นที่มาให้บรรดาพรรคใหญ่รวมหัวกันอยากให้กลับไปใช้วิธีเลือกตั้งแบบเก่า เข้าคูหากา 2 ใบ เพราะต้องการตัดตอนพรรคเล็กให้สูญพันธุ์ทำหมันส.ส.ปัดเศษไม่ให้เหลือ

โหวตแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่ผ่านมา จะพูดว่าเป็นการฮั้วแก้รัฐธรรมนูญ บัตร 2 ใบ ของพรรคการเมืองของนักการเมืองที่รวมหัวสมประโยชน์ร่วมกันก็ว่าได้ โดยเฉพาะพรรคตัวตั้งตัวตีอย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นคนเสนอญัตติ พรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำ พรรคเพื่อไทยที่รบรับผลประโยชน์รอบนี้ไปเต็มๆ ขณะที่พรรคก้าวไกลที่เสียประโยชน์จากการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งรอบนี้ กับพรรคภูมิใจไทยที่ประกาศมาตลอดว่าไม่เห็นประเด็นที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญในคราวนี้ต่างก็จับมืองดออกเสียง 121 คน ส่วนพรรคปลาซิวปลาสร้อยก็ยืนกรานคว่ำร่างแก้ไขรอบนี้ แต่ก็มีเสียงแค่ 20 คน ไม่มีทางที่ไม้ซีกจะไปงัดไม้ซุงได้

ส่วนฝากฝั่งสภาสูงบรรดาส.ว.ส่วนใหญ่ 149 คนยกมือเห็นด้วย ที่ส่วนใหญ่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นส.ว.สาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่ต้องการเอาใจหัวหน้าพรรคปลังประชารัฐ เพื่อเอื้อประโยชน์สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าอยู่แล้ว รวมถึงไม่อยากไปขวางทางส.ส.ไปยุ่งกับเรื่องคนอื่นที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว รอบนี้เลยงดออกเสียงไป 66 คน ไม่อยู่ในห้องประชุมไม่ประสงค์ลงคะแนน 25 คน มีส.ว.ที่แสดงจุดยืนชัดเจนอยู่จริงๆแค่ 10 คน ที่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องคว่ำแก้รัฐธรรมนูญบัตร 2 ใบรอบนี้ลงให้ได้ เพราะมองว่าเป็นการถอยหลังเข้าคลอง ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไร พรรคใหญ่ได้เปรียบพรรคเล็กตายหมด แถมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังผ่านประชามติจากคนไทยส่วนใหญ่ 16.8 ล้านคนมาแล้ว จู่ๆจะมาแก้ไขตามอำเภอใจส.ส.กับส.ว. เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องตัวเองแบบไม่เห็นหัวคนไทยแบบนี้ไม่ได้ สำคัญสุดคือหลายคนมองว่าพรรคใหญ่อย่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์ กำลังหลงกลคนหน้าเหลี่ยม เข้าขั้นวางแผนพลาดเดินเกมส์ผิด ที่ไปแก้บัตรเลือกตั้งจากใบเดียวไปเป็น 2 ใบ เข้าทางโทนี่เข้าตีนทักษิณแบบเต็มๆ เพราะคุ้นชินกับการเลือกตั้งแบบนี้ หนำซ้ำทุกพื้นที่ก็มีการวางหัวคะแนนไว้เหนียวแน่น มองมุมไหนดูยังไงเลือกตั้ง 2 ใบ งานนี้บอกเลยทักษิณยิ้มหวานเพราะสะพานกลับบ้านมาแล้ว

นอกจากนี้การเปลี่ยนกติกาเลือกตั้งจากบัตรใบเดียวใช้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อแบบพึงมี กลับไปเป็นเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ ใช้สูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อแบบไหนยังไม่รู้ เพราะต้องไปเขียนกันในช่วงออกกฎหมายลูก แต่เชื่อแน่ว่าต้องเป็นสูตรที่พรรคใหญ่ได้เปรียบพรรคเล็กต้องกลับบ้านตามระเบียบ เผลออาจถึงขั้นสูญพันธุ์ เพราะไม่มีทางที่พรรคใหญ่จะยอมให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเกิดพรรคเล็กต่ำสิบเป็นพรวนยาวยิ่งกว่าหางว่าว รอบนี้รับรองเวทีเขียนกฎหมายลูก ต้องด่ากันแหลกซัดกันหมดหน้าตักแน่ โดยเฉพาะเรื่องสูตรคำนวณเก้าอี้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ชื่อว่าพรรคใหญ่ไม่ยอมแต่พรรคเล็กก็ไม่ลดลาวาศอกเป็นแน่ เผลอๆที่คิดไว้ว่าทำกฎหมายลูก 4-5 เดือนจบ อาจจะลากยาวไปกว่านั้นเพราะคาดว่าจะมีการฟ้องร้องกันอุตลุตหากตกลงผลประโยชน์ไม่ตรงกัน

จากนี้ที่ต้องไปลุ้นกันหลังโหวตวาระ 3 ภายใน 15 วัน จะมีส.ส.พรรคเล็กหรือส.ว.ร้องเรื่องนี้ไปที่ศาลรัฐธรรมนูฐเพื่อเบรกการแก้รัะฐธรรมนูฐเที่ยวนี้หรือไม่ ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญ ม. 256 (9) ระบุว่า ก่อนนายกฯนําความกราบบังคมทูลเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยตาม จะต้องทิ้งไว้ 15 วัน ในช่วงนั้น ส.ส.หรือส.ว. หรือสมาชิกทั้งสองสภารวมกัน มีจํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา ถ้าเป็น ส.ส.ต้องใช้เสียง 49 เสียง ส.ว.ใช้เสียง 25 เสียง หรือของทั้งสองสภารวมกัน 74 เสียง มีสิทธิเข้าชื่อกัน เสนอความเห็นต่อประธานที่ตัวเองสังกัดอยู่ว่าเรื่องนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก่อนส่งความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้วินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับตั้งวันที่ได้รับเรื่อง ตรงนี้ก็ต้องรอลุ้นว่าพรรคเล็กๆ จะไปหาเสียงสนับสนุนจากส.ว.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ แต่จับสัญญาณที่ออกมาดูแล้วยาก เพราะคงไม่มีส.ว.คนไหนอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยน ไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเอง

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ก็เตรียมเดินหน้าเรื่องนี้เต็มสูบข่าวว่า เตรียมร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง และ ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. รอไว้สำหรับการพิจารณาในขั้นต่อไปแล้ว แถมมีการวางไทม์ไลน์ไว้ว่า จะใช้เวลาทำกฎหมายลูกราว 5-6 เดือน ก่อนนำไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ม. 77
และส่งไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะผู้ใช้กฎหมาย อนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการ อย่างเร็วสุดคาดว่ากฎหมายลูกจะประกาศได้ราวต้นปี 2565 อย่างช้าสุดก็อาจจะเป็นกลางปี 2565 แต่แน่นอนว่าการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าจะได้ใช้กติกาใหม่ เข้าคูหากาบัตร 2 ใบอย่างแน่นอน ยกเว้นอย่างเดียวคือไปตกม้ายตายในศาลรัฐธรรมนูญเสียก่อน ไปๆมาๆ ฮั้วแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตร 2 ใบ ของบรรดาพรรคการเมืองใหญ่รอบนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องที่คิดเอาแต่ได้ ระวังจะตายเพราะทักษิณ
/////////////////////////////

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กาตาร์ แอร์เวย์ ตกหลุมอากาศเจ็บ 12
อบจ.กาญจนบุรีจัดมหกรรม OTOP SMEs "คิดถึงกัน คิดถึงกาล กินเที่ยวกาญจน์ งาน OTOP"
"สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล" ร่วมกับ "มูลนิธิยังมีเรา" เปิดโครงการ "kid dee ต้นกล้าดีมีคุณธรรม ซีซั่น 2" จ.เชียงใหม่ อย่างเป็นทางการ
หื่นหนักลวงเด็กหญิงวัย 14 ปี เล่นเกมในห้องพัก สุดท้าย กระทำชำเรา ผู้ปกครองเอาเรื่องแจ้งจับ
"คิดดีแคมป์" เชิญวิทยากร ประสบการณ์ตรงเล่นพนันออนไลน์ ให้ความรู้นักเรียนพื้นที่ภาคเหนือ
กิจกรรมวันที่ 2 ของ “Kid Dee camp” ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ วันนี้พาเด็กๆไปทำกิจกรรมจิตอาสา “สร้างฝน-สร้างฝาย” เพื่อเป็นการปลูกต้นกล้าทางความคิดให้มีจิตอาสา
เริ่มแล้ว! "คิดดีแคมป์" ภาคเหนือ คึกคัก รู้เท่าทันพนันออนไลน์
ชาวบ้านโวย ลูกชายลูกไล่แทง แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ อ้างไม่มีบาดแผล
บริษัทศิลาสมบูรณ์ทรัพย์จัดโครงการ “เหมืองแร่ปลอดภัย ห่วงใย ประชาชน“ ปีที่ 7
เพจดัง แฉจัดเต็ม คนเริ่มเเห่เท หนัง “ก้าวไกล” หลังตั๋วขายไม่ออก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น