จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปภาพคนร้ายขับรถเก๋งสีขาว ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน มาจอดบริเวณริมถนนหน้าบ้าน ซึ่งเปิดเป็นเต้นท์ขายรถยนต์มือสอง อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 2350 หนองหาน-กุมภวาปี เลขที่ 316/7 ม.7 บ.เหล่าหมากบ้า ต.แชแล อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เหตุเกิดช่วงเย็นวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปภาพผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหน้าเปิดประตูลงมาอุ้มเอา “เจ้าลิซ่า” สุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน สีน้ำตาล อายุ 9 ปี เศษ ขึ้นรถหลบหนีไปทาง อ.หนองหาน อย่างรวดเร็ว
โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “เตือนภัยคะ!! น้องหมาวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน (น้องแอบวิ่งออกจากรั้วในบ้านและน้องไม่เคยข้ามถนนค่ะ) แต่มีพวกหัวขโมยมาอุ้มขึ้นรถไปที่หน้าบ้านเลยค่ะ ขอความช่วยเหลือทีนะค่ะ ต้องจัดการยังไงดีค่ะ เบื้องต้นกำลังจะไปแจ้งความค่ะ น้องหมาที่อยู่ด้วยกันมาเกือบ 10 ปี ทำใจไม่ได้จริงๆค่ะ และเขาไม่มีสิทธิ์มาอุ้มน้องหมาคนอื่นไปแบบนี้” ล่าสุดทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.กุมภวาปีแล้ว หลังจากได้คำแน่นำจากโลกโซเชียล และมีการแชร์ภาพและข้อมูลไปตามเพจดังต่างๆในพื้นแล้ว และมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะต่อว่าหัวขโมยที่ลักอุ้มสุนัขไป
วันที่ 5 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบผู้เสียหายคือ นางสาววิภาพรรณ ขันทะแพทย์ หรือน้องหมวย อายุ 23 ปี ชาวบ้านเหล่าหมากบ้า ต.แชแล อ.กุมภวาปี ลูกสาวคนเล็กเจ้าของกิจการเต้นท์รถมือสอง “ทองสุกรถบ้าน สาขา 2” ได้พาไปบริเวณจุดที่หัวขโมยจอดรถแล้วเดินลงมาอุ้มเอา “เจ้าลิซ่า” ขึ้นรถเก๋งหลบหนีไป และกล้องวงจรปิดหน้าบ้านบันทึกภาพเอาไว้ขณะก่อเหตุ โดยระบุเวลา 16 .53 น.วันที่ 3 กันยายน 2564 ก่อนโพสต์คลิปลงเฟสบุ๊ก ให้ชาวโซเชียลช่วยเหลือติดตามน้องหมากลับคืนมา ก่อนเข้าแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.กุมภวาปี โดยให้เวลาคนร้าย 3 วัน หากนำมาคืนจะไม่ติดใจเอาความ แต่หากยังไม่นำมาคืน จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
นางสาววิภาพรรณ ขันทะแพทย์ หรือน้องหมวย เจ้าของเจ้าลิซ่า เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นน้ำตาคลอว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของที่ร้านค้าในหมู่บ้านราว 5 นาที โดยมีเจ้าลิซ่าวิ่งตามไปส่งที่หน้าบ้าน และทุกครั้งปู่จะเป็นคนเรียกมันกลับเข้าบ้าน แต่วันนั้นปู่ไม่รู้ทำอะไรอยู่หลังบ้าน จึงไม่รู้ว่าเจ้าลิซ่าวิ่งออกไปนอกบ้าน กลับมาพบว่าเจ้าลิซ่าหายไป สอบถามคุณปู่ก็ไม่รู้เรื่อง จึงเดินไปสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกัน เห็นรถเก๋งสีขาวขับมาจอดแล้วมีคนลงมาอุ้มขึ้นรถไป จึงมาเปิดกล้องวงจรปิดดูพบคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 25-30 ปี เปิดประตูรถเดินลงมาอุ้มเจ้าลิซ่าไป จึงนำคลิปภาพเขาแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ลิซ่าเป็นสุนัขแสนรู้ ตนซื้อมาเลี้ยงพร้อมกับเจ้ากังฟู ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์เดียวกัน ในราคาตัวละ 5 พันบาท และมีลูกมา 4 คอกแล้ว เมื่อโต ตนก็จะให้ญาติหรือคนที่รักสุนัขจริงๆไปเลี้ยงดู เพราะเป็นสุนัขที่เลี้ยงหรือดูแลอยาก เนื่องจากมีต้นทุนในการเลี้ยงดูแลรักษาที่สูงพอสมควร และอยู่กับตนมาเกือบ 10 ปี เป็นเสมือนลูกของตน หรือเป็นหนึ่งในสมาชิกในครอบครัวก็ว่าได้ เพราะกินนอนอยู่กับตนมาตลอด ไม่คิดว่าเจ้าลิซ่าจะมาถูกขโมยไปแบบนี้ เมื่อรู้ว่าเจ้าลิซ่าถูกขโมยไป ทุกคนภายในครอบครัวต่างพากันร้องไห้ โดยเฉพาะตนเมื่อคืนที่ผ่านมาร้องไห้คิดถึงมันทั้งคืน และตั้งแต่เลี้ยงมันมา กิจการเต้นท์รถมือสองของพ่อก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะประสบโควิดระบาด จนมาเปิดสาขา 2 ตรงนี้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อมาได้ 1 ปีเศษ ส่วนสาขาแรกเปิดที่ อ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่”
น้องหมวย เปิดเผยต่อว่า อยากฝากถึงหัวขโมย หากคุณรักน้องหมาไม่ควรทำอย่างนี้ เพราะเขามีเจ้าของ โดยให้นำมาคืน ตนจะไม่ติดใจเอาความ โดยให้เวลาเพียง 3 วัน หากไม่นำเงินก็จะตั้งเงินรางวัลนำจับ5,00 บาท ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ถ้าอยากเลี้ยงสุนัขก็ควรหาซื้อมาเลี้ยง ไม่ใช่มาขโมยของชาวบ้านไป และคุณควรรูว่าสุนัขพันธุ์นี้ต้องมีเจ้าของ และก่อนซื้อน้องหมามาเลี้ยง ควรศึกษาหาความรู้ในการเลี้ยงดูเขาให้ถูกวิธี เนื่องจากตนเลี้ยงเจ้าลิซ่ามาเกือบ 10 ปี ไม่เคยให้มันกินข้าวหรืออาหารอย่างอื่นเลย นอกเสียจากอาหารเม็ดเท่านั้น เพราะสุนัขพันธุ์ปอมฯ จะท้องเสียหากกินอาหารที่เขาไม่เคยกินเข้าไป เวลาเขาไม่สบายก็ต้องพาไปหาหมอ ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าลิซ่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้
*ด้าน พ.ต.ต.สุขสันติ์ สืบสหการ สว.สืบสวน สภ.กุมภวาปี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า หลังทราบข้อมูลจากผู้เสียหายว่า จะขอให้เวลาหัวขโมยนำสุนัขมาคืน และจะไม่ติดใจเอาความ หลังจากลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่โรงพักช่วงค่ำวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา แต่ทางเราก็ไม่นิ่งนอนใจ และได้ลงพื้นที่แกะรอยคนร้ายตามเส้นทางที่หลบหนี ไปพร้อมกัน เพราะเกรงว่าคนร้ายจะนำน้องหมาไปปล่อยทิ้ง และได้รับอันตราย ซึ่งคาดว่าหัวขโมยน่าจะรู้ตัวแล้ว และกำลังคิดว่าจะนำเอาสุนัขมาคืนเจ้าของดังกล่าว
ภาพ/ข่าว กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.อุดรธานี