นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การรักษาโรคโควิด-19 เชื้ออังกฤษกลายพันธุ์ B.1.1.7 ที่เริ่มระบาดในไทยจนถึงตอนนี้ รวมถึงผลการศึกษาของต่างประเทศพบว่า เชื้อแพร่เร็วทำให้มีผู้ติดเชื้อมาก เปอร์ซ็นการเสียชีวิตก็ไม่ต่างไปจากสายพันธุ์ดั้งเดิม แต่พบว่ามีปอดอักเสบปอดบวมเยอะขึ้น โดยเฉพาะปอดบวมโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จึงเป็นสาเหตุที่อยากให้ผู้ป่วยทุกคนเข้ามาอยู่ที่สถานพยาบาลที่จัดให้ เพราะจะสามารถทำการวัดออกซิเจนในเลือดได้ และจะทำให้ทราบการดำเนินโรคที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามกรณีที่อยู่ระหว่างรอเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลนั้นสามารถสังเกตอาการตัวเองได้โดยเดินเร็วๆ เป็นเวลา 10 นาที หากมีการหายใจเหนื่อยหอบผิดปกติให้สงสัยว่าเริ่มมีปัญหาปอดอักเสบปอดบวม
สำหรับการรักษานั้น อธอิบดีกรมการแพทย์ชี้แจงว่า ไม่ได้แตกต่างจากเดิม ยังเน้นการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ โดยขณะนี้สต็อกยาเดิมมี 4 แสนเม็ด ปัจจุบันมีการใช้วันละ 2 หมื่นเม็ด ดังนั้นยาที่มีอยู่ 4 แสนเม็ดนั้น จึงคาดการณ์ว่าจะใช้ได้ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ อย่างไรก็ดีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้องค์การเภสัชกรรม สั่งซื้อยาเพิ่มอีก 500,000 เม็ด จะมาถึงไทยในวันที่ 29 เมษายนนี้ ดังนั้นสต๊อกยาที่มีอยู่เดิมบวกกับที่จะเข้ามาใหม่หากคนไข้เพิ่มขึ้นวันละประมาณไม่เกิน 2 -3 พันราย ยาจะมีพอใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งระหว่างนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้องค์การเภสัชกรรมจัดหาเพิ่มเติมด้วย