นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ พร้อมด้วย นายสุชาติ อุสาหะ โฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) งบประมาณปี 65 ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าในการประชุม กมธ.งบประมาณ โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า ในการพิจารณางบประมาณที่ผ่านมา กมธ.ใช้เวลาไปแล้ว 16 วัน รวม 127 ชั่วโมง ถือว่ายังล่าช้าอยู่ ถ้าหากยังล่าช้าอยู่อาจมีการพิจารณาต่อในวันเสาร์ รวมหน่วยงานที่ผ่านการพิจารณาแล้ว 4 กระทรวง 3 กองทุน คิดเป็น 14.8 % ของวงเงินงบประมาณ โดยกระทรวงที่ผ่านการพิจารณางบประมาณไปแล้ว มี 4 หน่วยงาน ดังนี้ 1.กระทรวงการคลัง งบประมาณทั้งสิ้น 273,941,301,000 บาท 2.กระทรวงพาณิชย์ งบประมาณทั้งสิ้น 6,523,276,100 บาท 3.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ งบประมาณทั้งสิ้น 6,979,125,600 บาท และ 4.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม งบประมาณทั้งสิ้น 28,325,492,800 บาท
นายเรืองไกร กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (7 กรกฎาคม) กมธ. ได้พิจารณางบประมาณหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งในการพิจารณางบประมาณของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการลดฝุ่นควันพิษโดยการสร้างฝนเทียม ทั้งนี้ มีกมธ.บางท่าน ได้สอบถามถึงกรณีการใช้ฝนเทียมเพื่อลดปริมาณฝุ่นควันไฟหรือควันพิษที่เกิดขึ้นจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานสารเคมีที่จังหวัดสมุทรปราการ และเมื่อควันพิษซึ่งมีสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้ทำปฏิกิริยากับน้ำฝนตกลงมาสู่พื้นดินหรือลงสู่แหล่งน้ำจะเกิดปัญหาหรือไม่ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ชี้แจงว่า มีอาจารย์มหาวิทยาลัยได้ให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า ฝุ่นควันที่ลอยจากการเกิดเพลิงไหม้นั้น ส่วนใหญ่คือ คาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งฝุ่นควันนั้นลอยฟุ้งกระจายไปทั่วไปตามกระแสลม และในช่วงนี้อากาศในกรุงเทพมหานครไม่ได้รับอิทธิพลจากความกดอากาศสูงที่จะกดทับให้ฝุ่นควันนั้นอยู่ในบริเวณที่จำกัดเหมือนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ การฟุ้งกระจายออกของฝุ่นควันทำให้สารเคมี “ไม่กระจุกตัว” หรือมีความหนาแน่นพอที่จะเกิดปัญหา
นายเรืองไกร กล่าวว่า นอกจากนี้ ในปัจจุบันเป็นช่วงหน้าฝน ซึ่งเมื่อน้ำฝนไปเจือจางกับสารเคมีในฝุ่นควัน จากการประเมินคาดว่าน่าที่จะไม่เกิดผลกระทบ เพราะโดยปกติน้ำฝนมีการปนเปื้อนของคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์และการเผาไหม้ต่าง ๆ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังไม่ได้ขึ้นบินปฏิบัติการสำหรับภารกิจนี้ แต่หน่วยงานจะดำเนินการเก็บตัวอย่างน้ำฝนในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นบริเวณแนวการเคลื่อนที่ของกลุ่มควันเหล่านี้ เพื่อวิเคราะห์ปริมาณสารปนเปื้อนที่เกิดขึ้นว่าเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ ต่อไป
นายเรืองไกร กล่าวว่า ส่วนในวันนี้ ตามระเบียบวาระ กมธ.จะพิจารณางบประมาณของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ยังค้างอยู่อีก 4 หน่วยงาน กับอีก 1 หน่วยงานอื่นของรัฐ และจะพิจารณาภาพรวมของกระทรวงคมนาคม รวมทั้งหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม 8 หน่วยงาน จากทั้งหมด 13 หน่วยงาน งบประมาณทั้งสิ้น 175,858,714,700 บาท
ทางด้าน นายสุชาติ ในฐานะ ประธานคณะอนุ กมธ.ท้องถิ่น เทศบาลนคร เทศบาลเมือง และเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (เทศบาลตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล) ของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 การที่เชิญผู้เกี่ยวข้อง ที่อยู่ตามต่างจังหวัดมาชี้แจง ถือว่าเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง เพราะ บางคนอยู่ในจังหวัดสีแดง หรือ อยู่ในกลุ่มเสี่ยง จึงมีการปรับแผน ให้ใช้ Zoom ในการชี้แจงแทน ซึ่งวันนี้การพิจารณาลื่นไหลไปได้ดี และ ตอนนี้ พิจารณาไปถึง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน