นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ออกมาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อการประชุมคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร และการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปตามกฎที่ผู้มีหน้าที่เป็นผู้กำหนด แต่การที่จะดำเนินการในสภาต่อไปอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และวิปทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งวิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา ที่จะต้องมาคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไร สำหรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ หากไม่มีการประชุม หรือยังไม่สามารถที่จะประชุมคณะกรรมาธิการได้ ก็จะมีผลกระทบในแง่ของเงื่อนเวลา เพราะตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า เมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ได้ส่งถึงรัฐสภาแล้ว สภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายใน 105 วัน ขณะนี้ถือว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ได้ส่งถึงสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ดังนั้นในเงื่อนเวลา 105 วันนี้ ได้เริ่มนับหนึ่งแล้ว หากผ่านวาระที่ 1 และไปสู่วาระที่ 2 ของการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ หากคณะกรรมาธิการฯ ไม่สามารถประชุมได้ ก็จะมีผลกระทบในเรื่องเงื่อนเวลาการทำหน้าที่ของสภาฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่วิป 3 ฝ่าย จะต้องไปพิจารณาร่วมกัน
“เท่าที่ได้ติดตามขณะนี้เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งร่างพ.ร.บ งบประมาณ ปี65 เข้าสู่สภาแล้ว เมื่อวันที่17 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะฉะนั้น 105 วัน นับหนึ่งแล้ว ผมคิดว่า วิปทั้ง 3 ฝ่าย ต้องรีบประชุม ว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนจะกระทบมากน้อยแค่ไหนอย่างไร หรือไม่กระทบ คิดว่าวิปต้องรีบประชุมหารือกันว่าจะดำเนินการอย่างไร หากไม่สามารถประชุมคณะกรรมาธิการฯ ได้ หรือ คณะกรรมาธิการฯ จะต้องเร่งรัดทำให้เสร็จเร็วเป็นพิเศษ” นายจุรินทร์ กล่าว
เมื่อถามต่อว่า มองอย่างไร งบฯปี 65 ในครั้งนี้ ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดโควิด- 19 นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้แจกแจงรายละเอียดในสภา เมื่อถึงเวลามีการอภิปราย ตอนนี้ ก็มีเงินกู้ที่เหลืออยู่ก้อนหนึ่ง ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการคลี่คลายสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 และเศรษฐกิจ ควบคู่กันไปได้ด้วย ส่วนที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่รัฐบาลเตรียมออก พ.ร.ก. กู้เงิน 7 แสนล้านบาทนั้นเรื่องนี้ตนเคยให้ความเห็นไปแล้วว่า รัฐบาลก็ต้องพิจารณาความจำเป็นทั้งสองด้าน ทั้งการแก้ปัญหาโควิด และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจควบคู่กันไป