นายพอล กริฟฟิธห์ ผู้บริหารระดับสูงของท่าอากาศยานดูไบ กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีว่าแทบจะไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากการมีวัคซีนพาสปอร์ตสำหรับการเริ่มต้นการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งทางนักวิจารณ์เองก็มองว่าควรจะให้มีการเลือกปฏิบัติสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนได้ กริฟฟิธห์ให้ความเห็นว่าทางท่าอากาศยานต้องรู้จักการจัดการความเสี่ยงมากกว่าการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ซึ่งโลกไม่สามารถจะอยู่รอดได้หากไม่มีความคล่องตัวทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม และดูไบนับเป็นเมืองศูนย์กลางระดับโลกในด้านการค้าและการท่องเที่ยว สำหรับหนังสือเดินทางรับรองการฉีดวัคซีนและการเลือกปฏิบัติจริงๆแล้วไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นความจำเป็นในการเผยแพร่และทำให้โครงการฉีดวัคซีนมีความเป็นธรรมในทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ทางองค์การอนามัยโลก และสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลกกลับไม่เห็นด้วยกับหนังสือเดินทางวัคซีน โดยกังวลว่าจะมีประเด็นจริยธรรมเรื่องการสร้างความแปลกแยกในสังคม เพราะยังมีความไม่เท่าเทียมกันอยู่ในเรื่องของการฉีดวัคซีน
ท่าอากาศยานดูไบนับเป็นท่าอากาศยานที่มีจำนวนผู้โดยสารมากที่สุดในโลก และในช่วงของการแพร่ระบาดได้มีการลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยการปิดอาคารผู้โดยสาร แต่ต้องมีการลดจำนวนพนักงานลงจาก 8,500 คน เหลือ 2,500 คน
อุตสาหกรรมการบินกำลังเร่งหาวิธีฟื้นฟูความเสียหายที่ต้องทำตามข้อจำกัดของรัฐบาลและความเชื่อมั่นของผู้โดยสารที่ลดลง สำหรับแนวทางการฟื้นตัวพร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่านั้น จะทำให้เกิดบัตรโดยสารโควิดแบบต่างๆ โดยสหภาพยุโรป และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของท่าอากาศยานดูไบกล่าวว่าไม่ว่าระบบจะออกมาเป็นอย่างไร ทางท่าอากาศยานดูไบก็จะปรับกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าจะผู้โดยสารจะไม่ต้องต่อคิวยาว