นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร. เปิดเผยว่า การลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เพื่อให้มีการปรับโครงสร้างพรรค ให้การทำงานราบรื่น ไม่มีความขัดแย้ง ก็จะมีการพูดคุยกันภายในกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ เพื่อหาทางออกร่วมกัน อย่างที่สังคมทราบกันว่าทั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ต้องเดินไปในแนวทางเดียวกัน ทิศทางเดียวกัน ถ้าแกนนำพรรคไม่ไปในแนวทางของนายกรัฐมนตรี ก็จะทำงานด้วยกันยาก อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ได้ยื่นหนังสือลาออก ถ้าลาออกจะมีการแถลงข่าวออกมาอีกที
ส่วนการที่มีคนร้องเรียนยุบพรรคพลังประชารัฐ จากกรณีนายกรัฐมนตรีเรียก 7 รัฐมนตรี เข้าไปพูดคุย เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา นายชัยวุฒิ ตอบว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ถ้านายกรัฐมนตรีไม่คุยกับรัฐมนตรี จะทำงานบริหารประเทศได้อย่างไร อีกทั้งนายกรัฐมนตรีก็ต้องคุยกับทางพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐที่เสนอชื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องคุยกำหนดแนวทาง เพราะสัปดาห์หน้ามีการเปิดสมัยประชุมสภาฯ มีกฎหมายสำคัญเข้าสู่การพิจารณาหรือไม่ จะมีการทำงานร่วมกันอย่างไรกับส.ส. ในสภา
ส่วนกรณีที่ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า 6 รัฐมนตรีที่พบนายกฯนั้น ถือว่า ไม่ใช่คนส่วนมากในพรรค นายชัยวุฒิ ตอบว่า จะมากจะน้อยไม่ใช่เรื่องสำคัญ เอาอะไรมาวัด เพราะทุกคนคือสมาชิกพรรค เชื่อว่าทุกคนหวังดีกับบ้านเมือง อะไรที่ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ สภาทำงานได้ราบรื่น ส.ส.ทุกคนก็ไปในทางเดียวกัน ไม่มีใครคิดแตกแยก ที่ไปพูดอะไรที่เป็นประโยชน์ คนส่วนใหญ่เอาด้วยอยู่แล้ว ไม่มีส่วนมากส่วนน้อย
ส่วนการจะปรับโครงสร้างพรรคครั้งนี้ เพราะมองว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค มีปัญหาหรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ ถามสื่อมวลชนกลับว่า แล้วคิดว่ามีปัญหาหรือไม่ ขอสื่อมวลชนดูกันเองว่า ในอดีตเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ส่วนตัวมองว่า ร.อ.ธรรมนัส มีปัญหา ไม่เช่นนั้นไม่มีการพูดคุยกันเพื่อจะปรับโครงสร้าง แต่ไม่ขอพูดในรายละเอียด เพราะเชื่อว่าประชาชนและสื่อมวลชนรู้อยู่แล้วว่าคืออะไร ขอให้เดินไปข้างหน้า อย่าพูดถึงอดีต
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ต้องรอดูมติการประชุมกรรมการบริหารพรรควันพรุ่งนี้ (28 ต.ค.)หากหัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคมีมติให้คงโครงสร้างบริหารพรรคเหมือนเดิม ส่วนตัวยังไม่รู้ว่าพรรคจะเดินไปในแนวทางไหน แต่ท้ายที่สุดหากมีการปรับเปลี่ยน ยืนยันว่าตนเอง ไม่ขอรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค ให้คนอื่นที่เหมาะสมดีกว่า
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่าหากมีการปรับโครงสร้างบริหารพรรคพลังประชารัฐ เลขาธิการพรรคคนใหม่ มีชื่อของนายสันติพร้อมพัฒน์รมว.คลัง และกรรมการบริหารพรรคมาเพียงชื่อเดียว ทั้งนี้พบว่าชื่อของนายสันติเป็นแคนดิเดตเลขาธิการพรรคมาแล้วถึง 2 ครั้ง