เหล่าบรรดามวลชน แม่ยก หรือเอฟซี ของม็อบต่างๆมักจะรู้กันดีว่า “แกนนำม็อบ” คนไหนที่มีฝีปากกล้าวาทะกรรมเด็ดๆ มักจะกุมใจแม่ยก พร้อมท่องมนต์คาถาเป่าใส่ สั่งให้ รักกู-หลงกู -เชื่อกู จนหลายคนหลับหูหลับตาเชื่อกันแบบไม่สนข้อเท็จจริงใดๆ เช่นเดียวกันกับ “เค้าคนนี้” ที่เคยผงาดและได้ดี เพราะวาจาลีลาการพูดที่โน้มน้าวใจมวลชนซะอยู่หมัด
หากย้อนไปดูจุดเริ่มต้น การติดกระดุมเม็ดแรกของ …. “เค้าคนนี้” ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่ได้ดีเพราะลีลาการพ่นน้ำลายอันโดดเด่น เข้าตาเสนาบดีผู้มีอิทธิพลกว้างขวางใหญ่โตในรัฐบาลฯยุคนั้น จึงถูกโปรโมทให้ทำหน้าที่เป็นโทรโข่ง “พ่นน้ำลาย” อย่างเต็มตัว … ก่อนจะติดลมบนถูกชักจูงเข้ามาร่วมวงศ์ไพบูลย์ลากยาว เข้าไปมีบทบาทในรัฐบาล จนกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง …. กระทั่งเกิดวิกฤตใหญ่ทางการเมือง ชื่อเสียงของเค้ากลับโด่งดังเปรี้ยงปร้าง มือถือไมค์ ไฟส่องหน้า คว้าหัวใจสาวน้อย – สาวใหญ่ ไปครองอย่างเป็นเอกฉันท์
และทั้งหมดนี้คือที่มาของความอีรุงตุงนัง … ชื่อเสียงก็มา – วาจาก็ดี มีหรือจะไม่กลายเป็นที่หมายปองของสาวสวยผู้เป็น FC เกาะติดทั้งหน้าเวที และทั้งหลังเวที พ่นน้ำลายสานต่อกันสนุกสนาน… นี่ยังไม่นับรวมเสียงลือ – เสียงเล่าว่า ไปแอบแซ่บ กับผู้ประกาศสาวทีวีการเมือง ของพรรคๆนึงในรัฐบาลชุดนั้น … ถามว่าเมียตัวจริงที่บ้านรู้มั้ย ??? ก็รู้หนะสิ! ความอีรุงตุงนังจึงเกิดขึ้นและหายไปเป็นระยะๆ
ทว่าต่อมา ผลงานของเค้าถูกใจนายใหญ่ ได้รับโปรโมทให้มีตำแหน่งสำคัญสูงปรี๊ด ในประเทศชาติ แต่ท้ายที่สุดเนื้อแท้ก็ปรากฎ “ดีแต่พูด แจ๋วแต่ปาก” เพราะการทำงานไม่ได้เรื่อง! บริหารล้มเหลว ตอบคำถามข้อกังขาต่างๆแทบไม่ได้ สุดท้ายขยะใต้พรหมก็โผล่ให้เห็นเป็นเรื่องราวใหญ่โตในเวลาต่อมา
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มี แฟนคลับ – แฟนครับ คนไหน เผลอปล่อยตัว หลับหู – หลับตา เชื่อฟังและทำตามเหมือนครั้งที่ผ่านๆมาซ้ำแบบเดิม เพราะมิเช่นนั้นอาจเป็นไปได้ว่า #ไฟจะลุกโชนทุกหย่อมหญ้า เพราะวาทะกรรมเดิมๆคงย้อนกลับมาดังเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง
โดย… “อาม่า คลุกวงใน”
