วันที่ 1 ก.ค. 2564 นายสุทา ประทีป ณ.ถลาง ส.ส.พปชร.เขต 1 จ.ภูเก็ต ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.)สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางมายังบ้านของนายมาโนช ดวงดี นายกสมาคมชายฝั่งปากพนัง ที่บ้านท้องโกงกาง ต.ปากพนังฝั่งตะวันตก อ.ปากพนัง จากนั้นตึงพร้อมด้วยตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านจำนวนหนึ่งออกก่อนเดินทางดวนเรือหางยาวขนาด 8.5 เมตรออกสู่อ่าวไทยสำรวจพื้นที่ในอ่าวปากพนัง อ่าวปากนครอย่างละเอียดทุกจุด พบว่าการเครื่องมือประมงผิดกฎหมายกระจายอยู่เกลื่อนอ่าวปากพนัง-ปากนคร รวมทั้งในแม่น้ำปากพนังและแม่น้ำสาขา นอกจากนี้พบว่ามีการตัดไม้โกงกางในพื้นที่ป่าชายเลนซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามมาประกอบการทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน และยังพบว่ามีไสไผ่ ไม้โกงกาง หรือแม้แต่เสาไฟฟ้า เสาปูน ปักอยู่ในอ่าวหลายจุด นอกจากนี้ยังพบพื้นที่ที่อ้างว่าเป็นคอกหอยแปลงอนุรักษ์ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปจับสัตว์น้ำได้ แต่ในทางปฏิบัติจริงมีการอนุญาติให้กลุ่มชาวประมงพื้นบ้านเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้าไปจับสัตว์น้ำได้ และยังพบกลุ่มเรือประมงคลาดหอย และเรือเวียนปลาเขือ ซึ่งเป็นวิธีการทำประมงที่ผิดกฎหมายและทำลายล้างระบบนิเวศอย่างรุนแรงที่สุดกำลังจับสัตว์น้ำแต่เมื่อเห็นเรือประมงของนายมาโนช เข้ามาใกล้ ๆ ต่างขับเรือหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
นายสุทา กล่าวว่า หลังจากตนเดินทางมารับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มชาวประมงพื้นบ้ารที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับสภาพวิถีการประกอบอาชีพของชาวประมงอย่างแท้จริง โดยเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติไม่เสมอภาคเท่าเท่าเทียมกัน อีกทั้งเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อาทิ การตรวจยึดเครื่องมือประมงที่กองอยู่ที่ท่าน้ำ นำไปสู่การสืบสวนสอบสวนจับกุมเจ้าของเครื่องมือประมง อ้างว่าครอบครองเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย สั่งปรับ 10,000 บาท มีชาวประมงได้รับความเดือดร้อนหลายราย ตนเชื่อว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ไม่น่าจะถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย อีกทั้งในการจับกุมชาวประมงและตั้งข้อหาลีกลอบทำประมงพาณิชย์ ในเขตหวงห้าม 3,000 เมตรและใช้เครื่องมือประมงผิดฎหมาย และการนำสัตว์ฯ ซึ่งตนจะนำเสนอเข้าสู่วาระเร่งด่วนของ กมธ.ป.ป.ช.ในเร็ว ๆ นี้ หลังจากวันที่ตนลงมาพื้นที่เมื่อ 11 ก.ค. 2564 ที่ผ่านมา มีกลุ่มหน้าที่และกลุ่มที่อ้างว่าเป็นนักอนุรักษ์ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน โจมตีตนว่าจะมาช่วยชาวประมงที่กระทำผิดกฎหมาย และจะยกพวกบุกสภาผู้แทนราษฏร และ กมธ. และระบุว่า “คนที่ทำผิดกฎหมายไม่ใช่ชาวประมงพื้นบ้าน” ซึ่งตนไม่ได้หวั่นไหวในเรื่องนี้ และยืนยันว่าปัญหาการทำประมงพื้นบ้านมีต้นตอมาจากภาครัฐและเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งตนไม่ได้มุ่งช่วยเหลือพวกที่ทำผิดกฎหมาย แต่ตนกำลังหาทางแก้ไขปลดล็อคการประกอบอาชีพให้กับชาวประมงพื้นที่อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ จึงต้องเดินทางลงมาลุยสำรวจอ่าวไทย อ่าวปากพนัง อ่าวปากนคร และใกล้เคียงเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐาน ทุกอย่างที่ปรากฏให้เห็นประจักชัดเจนมันจะหนีความเป็นจริงไม่พ้น ไม่ใช่แค่พูดดีอย่างนั้น อย่างนี้เพียงด้านเดียวคงไม่ได้”
ทางด้านนายมาโนช ดวงดี กล่าวว่า พยานหลักฐานที่ปรากฏในอ่าวปากพนัง-อ่าวปากนคร แต่ในแม่น้ำปากพนัง ปรากฏชัดมานานแล้ว การที่เจ้าหน้าที่และชาวประมงพื้นบ้านบางกลุ่มที่ไปเข้าด้วยกับเจ้าหน้าที่อ้างว่าทำตามกฎหมายเพื่อต้องการอนุรักษ์ระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเลนั้นใคร ๆ ก็พูดได้ แต่พยานหลักฐานที่ รอง ).กมะ.ป.ป.ช.เห็นกับตาและอัดภาพ/คลิปวีดีโอด้วยตนเองในวันนี้เป็นคำตอบชัดเจนที่สุด และตนยืนยันว่าการมุ่งจับกุมชลาวประมงพื้นบ้านทำประมงผิดกฎหมายไม่ใช่ทางออก ตนเคยยื่นถึง พล..ประยุทธิ์ จันทมร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล คสช.ที่ลงมาตจรวจเยี่ยมพื้นที่ด้วยมือของตนเอง เมื่อปลายปี 2560 ซึ่งเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาประมงพื้นบ้านผิดกฎหมาย โดยขอให้รัฐบาลจัดสรรพื้นที่ชายฝั่งทะเลเพื่อให้กลุ่มที่ทำประมงผิดกฎหมายใช้เลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อจะได้เลิกทำประมงด้วยเครื่องวมือผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีสั่งการให้รัฐมนตรี รัฐมนตรีสั่งอธิบดีประมงดำเนินการอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และส่งเอกสารแจ้งความคืบหน้าให้ตนทราบ ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2561 แต่เมื่อเรื่องมาถึงระดับจังหวัดกบับไม่ดำเนินการใด ๆ จนวันนี้ผ่านมา 3 ปีแล้วยังไม่ดำเนินการใด ๆ วันนี้ทำให้ตนทราบชัดเจนว่าข้าราชการบางคนในจังหวัดดยิ่งใหญ่กว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวมทั้งใหญ่กว่าอธิบดีกรมประมง จึงจบข่าวไม่มีอะไรจะพูดอีก นายมาโนช กล่าวยืนยัน.
ไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช