No data was found

พลิกคำสั่ง “ล็อกดาวน์”

กดติดตาม TOP NEWS

คาดการณ์ว่าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นถึงหมื่นรายในสัปดาห์หน้า มีความเป็นไปได้ที่จะล็อกดาวน์ เพื่อยอมเจ็บแต่จบ จริงหรือไม่

“ ไม่ได้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่า “ล็อกดาวน์” แต่คำว่า “ล็อก” คือไม่ให้ไปไหน ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังอนุญาตให้เคลื่อนย้ายได้ แต่เมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องใช้ ก็จะห้ามเรื่องการเคลื่อนย้ายบางช่วงเวลา หรือบางพื้นที่ แต่จะต้องมีความชัดเจนในสถานการณ์   เช่นเดียวกันที่เคยทำตอนเม.ย. 2563 และจะต้องมีมาตรการเยียวยารองรับ โดยข้อมูลกระทรวงการคลัง พบว่า การล็อกดาวน์เม.ย. 2563 งบฯเยียวยาเดือนละ 3 แสนล้านบาท และยังพบปัญหาไม่ทั่วถึง   “

คำกล่าวของ พล.อ.ณัฐพล  นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐาน ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการ ศบค. กล่าวกับสื่อมวลชนถึงข้อเสนอกลุ่มแพทย์ให้ล็อกดาวน์เป็นเวลา  7  วันเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดโควิดที่เพิ่มสูงขึ้น  ทั้งนี้ ต้องรอฟังความเห็นจากกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 12 ก.ค.นี้ก่อน

 “เมื่อไหร่ก็ตามถ้าจำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์จริงๆ หรือล็อกดาวน์บางห้วงเวลา หรือล็อกดาวน์บางพื้นที่ ก็ต้องชัดเจนจะเน้นเข้มข้นในพื้นที่แพร่ระบาดทั้งใน กทม.และปริมณฑล หรือ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้  ” พล.อ.ณัฐพล   ส่งสัญญาณถึงแนวทางการล็อกดาวน์ที่อาจไม่ปูพรมทั่วประเทศ

หากไล่เลียงดูขั้นตอนการล็อกดาวน์ตามที่เลขาสมช.ระบุว่า”เคยทำตอนเม.ย. 63″ ท็อปนิวส์ จึงขอย้อนดูคำสั่งการล็อกดาวน์ดังกล่าว

ปฐมบทล็อกดาวน์ได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเมษายนปี 2563  ซึ่งอยู่ในช่วงการระบาดไวรัสโควิดระลอกแรก พบว่าสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ตัดสินใจลงนามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2563

เนื้อหาของคำสั่ง ระบุว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและได้ออกข้อกำหนด (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พศ. 2563 แล้ว นั้น เพื่อให้มีมาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ห้ามบุคคลใดทั่วราขอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 นาฬิกาถึง 04.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่ง พัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติหรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 3) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ข้อ 2 ในกรณีที่มีการประกาศหรือสั่ง ห้ำม เตือนหรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรคหนึ่ง สำหรับจังหวัด พื้นที่หรือสถานที่ใดโดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วย

ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่อำจเคลื่อนย้ายบุคคลใดซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจัดที่เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าวเพื่อป้องกันกำรแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3   เมษายน พ.ศ. 2563  เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง

นั่นเป็นการออกมาตรการเข้มข้น เพื่อต้องการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอกแรก ต่อมาหลังจากการออกมาตรการล็อกดาวน์  สถานการณ์แพร่ระบาดมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง  ทำให้นายกฯได้มีการปลดล็อกและผ่อนคลายมาตรการควบคุมลงมาตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม  สถานการณ์ ณ  ขณะนี้  ศบค. คาดการณ์ว่าต้นสัปดาห์หน้าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นรายต่อวัน มีแนวโน้มสูงว่า รัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง แต่อาจเป็นการล็อคดาวน์ในบางห้วงเวลาและบางพื้นที่ เท่านั้น

ฉะนั้น หลังวันที่ 12 ก.ค. จึงต้องจับตาการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะประกาศล็อกดาวน์หรือไม่

แต่ที่แน่ๆ การออกมาตรการเข้มข้นลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่จะเป็นการทำตามเสียงเรียกร้องให้ยอม”เจ็บแต่จบ”

หรือว่า “เจ็บแต่ไม่จบ” อีกครั้ง

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สภาพอากาศวันนี้ อุตุฯ เผยรับมืออากาศร้อนจัด อุณหภูมิพีคสุด 43 องศาฯ เตือน 35 จว. เจอฝน
แห่อาลัย บิดา "พยุงศักดิ์ อู่ทรัพย์" เผยพิธีพระราชทานเพลิงศพ 27 เม.ย.นี้
ศชอ.แจ้งเพื่อทราบ ศาลแพ่งยกฟ้อง "หมอของขวัญ" เรียกค่าเสียหาย 1 ล้าน
ชลบุรี ตำรวจ บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่กรมอุตสาหกรรม นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัทรีไซเคิล ในพื้นที่ตำบลคลองกิ่ว หลังชาวบ้านร้องกลัวว่าจะเป็นที่กักเก็บกากแคดเมียม
ตำรวจรวบตัว "3 ชาวจีน" ถูกทิ้งอยู่ข้างทาง หลังหนีการสู้รบจาก "เมืองเมียวดี" ลักลอบเข้าไทย
เด็ก "เจ๊แดง" ผงาด "จักรพล" ขึ้นแท่น "โฆษกรัฐบาล" ลุยทำงานเต็มสูบหลังโผครม.เศรษฐา 2 คลอด
ตำรวจสอบสวนกลาง รวบ "แม่เล้า" ริมฝั่งโขง ค้ากามเด็กสาวไทย-ลาว เตือนผู้ปกครองควรใส่ใจดูแลบุตรหลาน
“แม่น้องไนซ์” รอพบสำนักพุทธฯ เคลียร์ปมเชื่อมจิต ลั่นเตรียมฟ้องสื่อ 5 ช่อง เผยแพร่ข้อมูลเท็จ
3 จีนเทา หนีสู้รบ จากเมียวดีฯ ลอบเข้าไทยจะไปปอยเปตถูกนำมาปล่อยทิ้งข้างถนน
เมืองพัทยา คึกคัก กองเรือพิฆาตเทียบฝั่ง ทหารอเมริกันยกพลขึ้นบกท่องเที่ยว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น