“สำนักฤๅษีประหลาด” สุดช็อกปี 2565 ขัดกฎหมาย โทษจำคุก – ปรับ
- เผยแพร่ : 11/05/2022 12:47
กดติดตาม TOP NEWS
"สำนักฤๅษีประหลาด" สุดช็อกปี 2565 กรมอนามัย ชี้ ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข มีโทษทั้งจำและปรับ น่าเป็นห่วง แนะลูกศิษย์ไปตรวจร่างกายด่วน
ข่าวที่น่าสนใจ
นายแพทย์ สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีข่าวการบุกเข้าตรวจสอบ “สำนักฤๅษีประหลาด” ตั้งอยู่ในที่ดินสาธารณะของหมู่บ้านกุดแคน จังหวัดชัยภูมิ เปิดรับรักษาโรคทุกชนิด โดยการรักษาให้ผู้ป่วยกินปัสสาวะ กินอุจจาระ กินเสมหะ และ ขี้ไคล รวมถึงยาที่ดองไว้นับ 100 โอ่งมังกร ให้กินเป็นยารักษาโรคต่าง ๆ นั้น
“เมื่อพิจารณาการจัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมภายใต้กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีการปฏิบัติที่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขในหลายประเด็น ตั้งแต่ การจัดการสิ่งปฏิกูล ซึ่งตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ปัสสาวะ อุจจาระ และ เสมหะ เข้าข่ายเป็นสิ่งปฏิกูลตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ตามมาตรา 4”
กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร หรือสถานที่ใด ๆ ปฏิบัติให้ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลตามข้อบัญญัติท้องถิ่น ที่กำหนดเกี่ยวกับสุขลักษณะ ของการจัดการสิ่งปฏิกูลตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. 2561 กรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการสิ่งปฏิกูล พ.ศ. 2561 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท ตามมาตรา 68
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับการจัดการมูลฝอย หากพบว่ามีการรักษาคนป่วยใน “สำนักฤๅษีประหลาด” ดังกล่าว กรณีที่มีมูลฝอยที่เกิดขึ้นจากการรักษาผู้ป่วย เจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องตรวจสอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่ดังกล่าวปฏิบัติให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะ โดยต้องมีการคัดแยกมูลฝอยที่เกิดขึ้นจากผู้ป่วยออกจาก มูลฝอยทั่วไป จัดหาภาชนะรองรับมูลฝอยที่เหมาะสม มีฝาปิดมิดชิด เป็นต้น
“หากพบว่ามีผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดต่อ หรือโรคติดเชื้อร้ายแรงต้องมีการจัดการมูลฝอยติดเชื้อให้เป็นไปตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 และข้อบัญญัติท้องถิ่นด้วย กรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงสุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท ตามมาตรา 68 และกรณีฝ่าฝืนกฎกระทรวงว่าด้วยการกําจัดมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 68/1 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันนี้”
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สิ่งที่น่าห่วงคือ สุขอนามัยของผู้เข้ารับการรักษาตามความเชื่อศรัทธา เนื่องจากการกินของเสีย อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของบุคคลนั้นได้ เพราะปัสสาวะ เสมหะ อุจจาระ และขี้ไคล ตามหลักวิทยาศาสตร์นั้น ในอุจจาระจะมีเชื้อโรค แบคทีเรีย พยาธิ เชื้อรา ส่วนปัสสาวะ แม้จะผ่านการกรองออกจากร่างกาย แต่ก็ไม่สมควรนำไปดื่มอยู่ดี ซึ่งเป็นทำนองเดียวกับเสมหะที่ขับออกมา เป็นกลไกการดักจับเชื้อโรคของร่างกาย รวมถึงขี้ไคล ก็เป็นชั้นของผิวหนังกำพร้าที่ลอกออกมาเมื่อหมดอายุ ซึ่งก็มีการหมักหมมของแบคทีเรียได้ด้วยเช่นกัน
“บรรดาลูกศิษย์ที่ปฏิบัติงานในสำนักฤๅษีแห่งนี้ จำเป็นต้องได้รับการตรวจร่างกาย เพราะการปฏิบัติงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทั้งระบบระบายอากาศ กลิ่นเหม็นที่เกิดจากสิ่งปฏิกูลที่มีการหมักหมม เป็นระยะเวลาหลายปี ทำให้ต้องสูดดมหรือสัมผัสสิ่งสกปรกเป็นระยะเวลานานติดต่อกัน ก็อาจส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพและระบบหายใจได้ ซึ่งในแง่มุมของจริยธรรมทางการแพทย์ การตรวจร่างกายต้องได้รับการยินยอม จากบุคคลคนนั้นก่อน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง