วันที่ 16 มิ.ย. – นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และนางสาวชมพูนุท นาครทรรพ ประธานคณะทำงานด้าน LGBTQs ของ รมว.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจอิสระ อาทิ ร้านอาหารกลางคืน ฟิตเนส ธุรกิจคอนเสิร์ต อีเว้นท์ และร้านผับบาร์ เข้าพบ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ผอ.ศบค.) เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล หลังได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 ทั้ง 3 ระลอก
นายปริญญ์ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เห็นกลุ่มอาชีพธุรกิจกลางคืน ธุรกิจบันเทิง และอาชีพอิสระ ได้รับความเดือดร้อนและออกมาเรียกร้อง เพราะมาตรการของภาครัฐที่อยากจะควบคุมวิกฤตโควิด 19 ได้ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจเหล่านี้เจ็บตัว ทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์จึงประสานพาตัวแทนผู้ประกอบการเข้าพบผอ.ศบค.เพื่อแบ่งปันมุมมองและเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา และถ้าเป็นไปได้อยากเสนอแนะให้ ศบค.เปิดโอกาสให้ประชาชนหรือตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจประเภทต่างๆ เข้าไปมีส่วนร่วมในการประชุมก่อนออกมาตรการใหม่ทุกครั้งด้วย เพื่อจะได้ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และร่วมกันทำให้มาตรการของภาครัฐเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากขึ้น
ด้าน นายนนทเดช บูรณะสิทธิพร ตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน ธุรกิจบันเทิงและธุรกิจอิสระ ได้เสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลดังนี้
1. ยกเลิกคำสั่งปิดสถานบันเทิงแบบเหมารวม โดยให้ปิดเฉพาะสถานบันเทิงที่พบผู้ติดเชื้อหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงเป็นเวลา 14 วัน เพื่อทำความสะอาดร้านตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุข และให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้กักตัว
2. ขอให้มีคำสั่งปลดล็อกให้ธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงได้กลับมาเปิดบริการ และจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ภายใน 1 กรกฎาคม 2564 โดยให้ปฏิบัติตามคำสั่งของศบค.และกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด
3. ผ่อนปรนให้สามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อบริโภคในร้านได้ เพราะปัจจุบันยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่ยืนยันว่าแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุของการแพร่เชื้อ
4. ผ่อนปรนให้มีการจัดมหรสพในพื้นที่ปิดได้ โดยต้องจัดเก้าอี้แบบ 2 เว้น 1 และรักษาระยะห่างตามความเหมาะสม
5. พิจารณาการจัดสรรฉีดวัคซีนให้กับผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจกลางคืน ธุรกิจบันเทิง และธุรกิจอิสระโดยเร็วที่สุด โดยให้มีสิทธิ์เข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว
6. พิจารณาให้มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องการเยียวยา พักชำระหนี้ และการกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางธุรกิจและการจ้างพนักงานจากการปิดธุรกิจชั่วคราว โดยพิจารณาการงดเว้นเก็บภาษาบางประเภท เช่น ภาษีสรรพสามิตร ภาษาใบอนุญาตจำหน่ายสุรา ภาษีป้าย เป็นต้น
7. เปิดช่องทางการสื่อสาร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและความต้องการประชาชนที่เดือดร้อน เพื่อให้ทราบถึงมุมมอง ผลกระทบ ความยากลำบากของผู้ประกอบอาชีพในกลุ่มต่าง ๆ ก่อนที่ภาครัฐจะออกมาตรการต่าง ๆ
8. เสนอให้ศบค. พูดคุยกับกระทรวงแรงงาน ให้ผ่อนปรนเรื่องการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน กรณีที่นายจ้างต้องลดเงินเดือนพนักงานลงเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาสภาพคล่องของธุรกิจ แทนการปลดพนักงานออก
ด้าน พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ศบค.ทราบดีถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ แต่มาตรการของภาครัฐที่ออกมา เกิดจากความเห็นชอบร่วมกันของทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพราะการฟื้นฟูสถานการณ์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ไม่ได้มีแค่ในแง่ของสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว แต่ ศบค.พร้อมรับฟังปัญหาของทุกคน หลังจากนี้จะพยายามหารือมาตรการช่วยเหลือ ให้ความเป็นธรรมที่ทำให้แต่ละฝ่ายได้รับผลกระทบน้อยที่สุด