ดร.เกร๊กกอรี่ เกล็น ประธานฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัทโนวาแว็กซ์ ผู้ผลิตวัคซีนที่รัฐแมรี่แลนด์ของสหรัฐแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (14 มิถุนายน) ว่าผลการทดลองเฟส 3 ซึ่งใช้อาสาสมัครจำนวนเกือบ 3 พันคนในสหรัฐและเม็กซิโกพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพต้านไวรัสโควิดได้สูงถึง 90.4% และหลังฉีด 2 โดสจะสามารถป้องกันโรคในอาการปานกลางและรุนแรงได้ 100 % นอกจากนี้ยังสามารถต้านโควิดกลายพันธุ์บางสายพันธุ์ได้ 93%
ก่อนหน้านี้โนวาแว็กซ์ได้ทดลองเฟส 3 ที่อังกฤษในเดือนมีนาคม พบว่ามีประสิทธิภาพโดยรวม 89.7% และสามารถต้านโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมได้ 96.4% และต้านโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์อัลฟาซึ่งพบครั้งแรกที่อังกฤษได้ 86.3%
จากผลการทดลองสองครั้งในสองภูมิภาค วัคซีนของโนแว็กซ์ได้แสดงผลข้อมูลที่ใกล้เคียงกัน โดยแสดงผลประสิทธิภาพที่สูงคงที่ ซึ่งแสดงข้อมูลที่ปลอดภัย โดยมีผลข้างเคียงคืออาการอ่อนเพลีย, ปวดศีรษะและกล้ามเนื้อ รวมทั้งปวดบริเวณที่ฉีด แต่จะหายไปภายใน 2-3 วัน นอกจากนี้วัคซีนของโนวาแว็กซ์เป็นวัคซีนแบบใช้โปรตีนและไม่จำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิต่ำมากๆเหมือนวัคซีนโควิด-19 หลายชนิด โดยสามารถเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งจะช่วยให้การขนย้ายและการฉีดวัคซีนในประเทศที่โครงสร้างด้านสาธารณสุขยังไม่ค่อยพัฒนานั้นทำได้ง่ายขึ้น
ล่าสุดโนวาแว็กซ์เตรียมยื่นขออนุมัติจากสำนักงานองค์การอาหารและยาสหรัฐหรือ FDA ภายในไตรมาสที่สาม หรือประมาณเดือนกันยายนปีนี้ ซึ่งหากอนุมัติก็จะกลายเป็นวัคซีนใช้ในกรณีฉุกเฉินตัวที่ 4 ของสหรัฐ แต่เนื่องจากสหรัฐมีวัคซีนเหลือเฟือแล้ว จึงคาดว่าสหรัฐอาจจะใช้วัคซีนตัวนี้ส่งออกไปช่วยประเทศอื่นๆภายใต้โครงการโคแว็กซ์ของ WHO ส่วนในสหรัฐเองอาจใช้เป็นวัคซีนสำหรับกระตุ้นภูมิคุ้มกันในระยะต่อไป
โดยโนวาแว็กซ์มีแผนที่จะผลิตวัคซีนได้ราว 100 ล้านโดสต่อเดือนภายในปลายไตรมาสที่ 3 และอีก 150 ล้านโดสต่อเดือนในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้