นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์คลิปวิดิโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงการประมูลรถไฟทางคู่ 2 สาย สายเหนือ และสายอีสาน เพราะมีกลิ่นไม่ดี อาจจะมีการเอาเงินของประชาชนไปมากกว่า 7,000 ล้านบาท โดยนายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า ขณะนี้รถไฟทางคู่สายเหนือ ช่วง เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร วงเงิน 72,920 ล้านบาท และสายอีสาน ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร วงเงิน 55,458 ล้านบาท วงเงินรวม 2 เส้นทาง 1.28 แสนล้านบาท ได้มีการประมูลเสร็จสิ้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขสายเหนือ ได้แบ่งสัญญาออกเป็น 3 สัญญา ราคากลางเฉลี่ย สัญญาละ 24,306 ล้านบาท รวมอาณัติสัญญาน และบริษัทที่จะเข้าประมูลต้องมีผลงานก่อสร้างทางรถไฟในประเทศ 15 % ของวงเงินแต่ละสัญญา ส่วนเงื่อนไขสายอีสาน ได้แบ่งสัญญาออกเป็น 2 สัญญา ราคากลางเฉลี่ยสัญญาละ 27,728 ล้านบาท รวมอาณัติสัญญาน ต้องมีผลงานก่อสร้างทางรถไฟในประเทศ 15 % ของวงเงินแต่ละสัญญา ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขสัญญารถไฟทางคู่ทั้ง 2 สาย ในลักษณะนี้ทำให้มีเอกชนทั้งประเทศเพียง 5 ราย ที่เข้าเงื่อนไขไปประมูลได้ ขณะที่ทั้ง 2 สาย ก็ได้ซอยย่อยสัญญาออกเป็น 5 สัญญาพอดี อีกทั้งผลการประมูลสายเหนือ 3 สัญญา ราคาที่ประมูลได้เฉลี่ย 24,286 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง สัญญาละ 20 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.08% ประหยัดไป 60 ล้านบาท ส่วนผลประมูลสายอีสาน ทั้ง 2 สัญญา ราคาที่ประมูลได้เฉลี่ย 27,705 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง สัญญาละ 23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.08% เหมือนกับสายเหนือ ประหยัดไป 46 ล้านบาท
แต่หากนำไปเปรียบเทียบการประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ ปี 2560 ยุครัฐบาลคสช. เส้นทางนครปฐม-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 420 กิโลเมตร วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท ได้ซอยสัญญามากขึ้นถึง 5 สัญญา ราคากลางเฉลี่ยสัญญาละ 7,200 ล้านบาท และไม่รวมอาณัติสัญญาน ที่สำคัญคือ เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันมากขึ้น ด้วยการกำหนดให้บริษัทที่จะเข้าร่วมประมูลต้องมีผลงานก่อสร้างทางรถไฟไม่น้อยกว่า 10% ของแต่ละสัญญา และผลการประมูลสามารถประหยัดงบประมาณเฉลี่ยสัญญาละ 408 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.56% รวมแล้วการประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ ประหยัดงบประมาณไปกว่า 2,040 ล้านบาท จากยอด 3.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่การประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือ ประหยัดงบไปเพียง 60 ล้านบาท จากยอด 72,920 ล้านบาท สายอีสาน ประหยัดงบ 46 ล้านบาท จากยอด 55,458 ล้านบาท
นายแพทย์วรงค์ กล่าวอีกว่า หากการประมูลรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสาน ใช้เงื่อนไขแบบเดียวกับการประมูลรถไฟทางคู่สายใต้ ประเทศจะประหยัดเงินภาษีประชาชนถึง 7,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงมีคำถามว่า หากเราจะประหยัดเงิน 7,000 ล้านบาท ทำไม การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. ไม่ทำ แล้วเงิน 7,000 ล้านบาทนี้ไปอยู่ที่ไหน ซึ่งตนไม่ทราบว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบเรื่องนี้หรือไม่ พลเอกประยุทธ์ควรจะทราบว่ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทั้งนี้ตนทราบว่าจะมีการเซ็นสัญญาประมาณเดือนกรกฎาคมนี้ จึงอยากให้ประชาชนทุกคนช่วยกันปกป้องการทุจริตคอร์รัปชั่น และถือโอกาสนี้เรียนท่านนายกรัฐมนตรีโปรดดำเนินการ
