ตำรวจกองปราบ รวบหนุ่มมิจฉาชีพ อ้างสนิทอธิบดีกรมที่ดิน วิ่งเต้นออกโฉนดได้ เหยื่อสูญรวมหลายแสน
ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป.สั่งการให้เจ้าหน้าที่นำกำลังจับกุมนายกฤตพงค์ ศรวรินทร์ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตาม 2 หมายจับศาลจังหวัดหล่มสักในข้อหา “ฉ้อโกง” ทั้งนี้เมื่อเดือนมกราคม 2563 นายกฤตพงศ์ ได้หลอกลวงผู้เสียหาย และวัดป่า ใน อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ว่าตนทำงานอยู่ที่บริษัทรังวัดที่ดินของเอกชน และรู้จักสนิทสนมกับอธิบดีกรมที่ดิน สามารถดำเนินการรังวัดที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 ให้ได้ โดยตนสามารถติดต่อประสานงานกับอธิบดีกรมที่ดิน ให้ทำหนังสือสั่งการมายังผู้ว่าราชการ จ.เพชรบูรณ์ ให้เร่งการดำเนินการของสำนักงานที่ดิน จ.เพชรบูรณ์ สาขาหล่มเก่า ในการออนโฉนดที่ดินให้เร็วกว่าปกติ โดยมีค่าดำเนินการไร่ละ 10,000 บาท
ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำเอกสารข้อตกลงให้ผู้ต้องหาดำเนินการกับที่ดิน 20 ไร่ โดยผู้เสียหายได้โอนเงินค่าดำเนินการให้กับผู้ต้องหาเป็นเงินจำนวน 200,000 บาท และเมื่อถึงวันนัดหมายที่ผู้ต้องหาแจ้งว่าจะนำโฉนดที่ดินที่ดำเนินการเรียบร้อยแล้วมามอบให้ ผู้ต้องหากลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ และไม่นำโฉนดที่ดินมามอบให้
ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอก จากนั้นไปแจ้งความดำเนินคดีจนมีการออกหมายจับ ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็พบว่ามีผู้เสียหายในพื้นที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ อีก 2 ราย ถูกผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 380,000 บาท ต่อมาตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาอยู่ในพื้นที่ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ก่อนจับกุมได้ในที่พักพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อสอบถามผู้ต้องหาให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่ได้หลอกลวง แต่ได้รับเงินของผู้เสียหายมาจริง ซึ่งในพื้นที่ของ สภ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ มีผู้เสียหายที่ถูกหลอก 3 ราย 1. วัดป่าฯ ใน อ.หล่มเก่า เสียหาย 200,000 บาท ชาวบ้านในพื้นที่ อีก 300,000 บาท และชาวบ้านอีกรายในพื้นที่ 80,000 บาท โดยตนอ้างกับผู้เสียหายว่าสามารถดำเนินการออกโฉนดที่ดินได้รวดเร็วกว่าปกติทั่วไป ไม่ได้อ้างกับผู้เสียหายว่ารู้จักกับอธิบดีกรมที่ดิน หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง และได้บอกกับผู้เสียหายว่าต้องมีค่าดำเนินการ ไร่ละ 10,000 บาท
ซึ่งภายหลังที่ได้รับเงินเรียบร้อยแล้ว ตนได้จ้างพนักงานรังวัดที่ดินภาคเอกชนมาดำเนินการตามขั้นตอนจริง แต่ภายหลังเกิดปัญหา ไม่สามารถดำเนินการออกโฉนดได้ และผู้เสียหายเห็นว่าการดำเนินการช้า จึงติดต่อขอยกเลิกและขอเงินคืน แต่ตนไม่สามารถนำเงินมาคืนให้ได้ เนื่องจากนำไปใช้จ่ายส่วนตัวจนหมดแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ดำเนินคดี
