No data was found

ณัฏฐพล เชื่อ บิ๊กป้อม คุม พปชร.ได้

กดติดตาม TOP NEWS

กรุงเทพฯ 14 ก.ย.- อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุ “พล.อ.ประวิตร” คุม พปชร.ได้ดี ชี้นายกฯ มีแรงกดดัน มั่นใจจะร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้สภาเดินหน้าต่อไปได้ ระบุการเมืองไทยยังมีเสถียรภาพ ขับเคลื่อนให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ท็อปนิวส์ถึงสถานการณ์ภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรณีความขัดแย้งระหว่างนายกรัฐมนตรี กับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จะส่งผลต่อพรรค พปชร. หรือไม่ ว่า ส่วนตัวมองว่าพรรค พปชร. เป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ มีตัวแทนจากทุกภาคของประเทศไทย ดังนั้นการจะตัดสินใจอะไรหลาย ๆ อย่างก็จะขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรค คือ ส.ส. หรือ การตัดสินใจว่าจะเดินไปทางไหน ก็จะต้องขึ้นอยู่กับความกดดัน และแรงขับเคลื่อนภายในพรรค ซึ่งตนมั่นใจว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร. จะสามารถคุมสถานการณ์ และบริการจัดการภายในพรรคได้ และการที่ท่านมาดำรงตำแหน่งนี้ ก็เพื่อทำให้ความคิดเห็นที่หลากหลาย หล่อหลอมเข้ามาในทิศทางเดียวกัน

ส่วนตัวไม่ทราบรายละเอียดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นอย่างไร แต่สามารถบอกได้ว่าเห็นความสามัคคี ในพรรค พปชร. ที่ร่วมกันออกเสียง เพื่อสนับสนุนบุคคลที่พรรคเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตนก็พูดในฐานะความรู้สึกของคนนอก ที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น ดังนั้นก็ต้องยึดมั่นในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

นายณัฏฐพล กล่าวว่า ตนมองว่าหัวหน้าพรรค พปชร. ยังสามารถบริหารจัดการได้อยู่ และนายกฯ ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐบาลก็ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ ไม่ให้รัฐบาลเดินเข้าสู่กระบวนการทางการเมือง เพราะรัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศ บริหารจัดการวัคซีน บริหารเศรษฐกิจ ฯลฯ ส่วนที่มีการปลด 2 รัฐมนตรีนั้น การที่ขาดรัฐมนตรีไป 2 ตำแหน่ง ก็ต้องพิจารณาว่าจะมีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนประเทศหรือไม่ หากไม่มีผลกระทบก็อาจจะใช้เวลาพิจารณาความเหมาะสมในการปรับเปลี่ยนก็เป็นได้ โดยไม่จำเป็นต้องปรับ หรือเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่ และเมื่อมีตำแหน่งว่าง 2 ที่นั่ง หลายๆคนก็อาจจะมองว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนทันที จริง ๆ แล้วถ้ามองกลับกันอาจจะมีปัญหามากขึ้นด้วยซ้ำ แต่ถ้าคำนึงถึงหลักของการบริหารประเทศว่ามีความจำเป็นถึงขนาดนั้นหรือไม่ ซึ่งนายกฯ จะเป็นผู้ที่ตัดสินใจได้ดีที่สุด

นายณัฏฐพล กล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส พูดชัดเจนว่าหลังจากนี้จะไปทำหน้าที่ ส.ส. จ.พะเยา อย่างเต็มที่ เชื่อว่าท่านอาจจะอยากใช้เวลาในส่วนนั้นให้มากที่สุด ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค พปชร. ตนก็ยังคงมองว่าสมาชิกพรรคจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง ว่าอยากจะมีเลขาธิการพรรคที่เป็นรัฐมนตรี หรือไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งพรรคอื่น ๆ ก็มีเลขาธิการพรรค ที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ดังนั้นใบบริบทของแต่ละพรรคจะมีความแต่งต่างกัน

เมื่อถามว่ามองว่าพล.อ.ประวิตร ควรปรับร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากกรรมการบริหารหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ก็ต้องย้อนกลับมาที่ระบบพรรคการเมือง แต่ขอย้ำว่า หัวหน้าพรรคไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งการประชุมพรรคแต่ละครั้งที่ผ่านมาก็จะมีเสียงที่แตกต่างกันไป แต่จะมีการเปลี่ยนเลขาพรรคหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนเสียงที่พอใจ หรือไม่พอใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน หากพอใจสิ่งที่เป็นอยู่ ทางหัวหน้าพรรคก็ไม่ต้องกดดันที่จะต้องเปลี่ยน แต่ถ้ามองว่าเลขาฯ ตัดสินใจลาออก หรือสมาชิกมีความเห็นว่าอยากได้คนอื่นเข้ามาดูแลที่ดีกว่าเดิม ก็อาจจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งหัวหน้าพรรคอาจจะสามารถมองเห็นภาพรวมได้ และเมื่อไหร่ที่เกิดความติดขัด เชื่อว่าท่านก็จะสามารถหาแนวทางที่เหมาะสมได้

เมื่อถามว่าหากไม่ปรับออก จะมีปัญหาในอนาคตหรือไม่ หากต้องมีการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญ ที่ต้องใช้เสียงส.ส.รัฐบาลสนับสนุน นายณัฏฐพล กล่าวว่า ตนมองว่านายกฯ คงใช้แนวทางที่ได้มีการพูดคุยกับพล.อ.ประวิตร ในช่วงที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าวิธีไหนที่ทำให้คะแนนเสียงมาครบถ้วน แม้ว่าจะขาดไป 1-2 เสียง ก็คงไม่มีปัญหา จึงมองว่านายกฯก็คงจะใช้วิธีเดิมอีกครั้ง แต่เป็นวิธีไหนตนไม่ทราบ

ต่อข้อถามว่าหากพรรค พปชร. ไม่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารใหม่ นายกฯ จะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะนายกฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเลย นายณัฏฐพล กล่าวว่า จากสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เชื่อว่ามีความกดดันกับนายกฯ อยู่บ้าง อาจจะเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ เชื่อว่านายกฯ คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม แต่มั่นใจว่านายกฯ ร่วมกับหัวหน้าพรรคการเมืองต่าง ๆ ซึ่งเป็นคณะรัฐบาลอยู่แล้ว จะสามารถหาแนวทาง เพื่อให้สภาเดินหน้าต่อไปได้แน่นอน

เมื่อถามว่ามองการเมืองไทยขณะนี้มีเสถียรภาพหรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าวิกฤตคือโอกาส ซึ่งวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน หลัก ๆ เป็นเรื่องโควิด-19 หรือเศรษฐกิจ หรือการเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงปรับโครงสร้างในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ หากใช้วิกฤตนี้เร่งจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ และปรับตัวให้มีความพร้อมในการแข่งขันในอนาคต จะเป็นโอกาสของประเทศที่ จะสร้างเสถียรภาพ ทั้งในประเทศและ การเมืองในอนาคต แต่นักการเมืองทุกคนจะต้องมานั่งคุยกัน ว่าจะเดินไปในทิศทางไหน จริง ๆ แล้วเกือบจะไม่มีทางเลือก ถ้าหากไม่ตั้งหลักปรับโครงสร้างของประเทศ ก็จะแข่งขันไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวมองว่าประเทศไทยมีโอกาส และเสถียรภาพยังไม่น่ากังวล รวมทั้งมั่นใจว่าการเมืองสามารถขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้ฐานะที่อยู่ในแวดวงการเมืองมาค่อนข้างนาน จึงอยากจะบอกว่า ไม่อยากให้ทุกคนกลัวการเมือง เพราะการเมืองเป็นเรื่องที่สำคัญจึงอยากจะให้คนที่ตั้งใจในหลาย ๆ ธุรกิจ เข้ามาร่วมกันทำ ส่วนจะไปทำที่ไหน หรือไปทำงานร่วมกับ คนในอุดมการณ์เดียวกัน นั่นคือสิ่งที่จะต้องคิดและพิจารณา ดังนั้นจงจำไว้ว่าอย่ากลัวการเมือง เพราะถ้าหากกลัวเมื่อไหร่ คุณก็จะถอยออกมา ยืนดูเฉยๆ ทำได้แค่พูด และเขียนบ่นเท่านั้น ส่วนการแสดงออกหลาย ๆ อย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ในบริบทของประเทศ ตนมองว่ายังไงก็เป็นสิ่งที่น่าทำ

นายณัฏฐพล ยังกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่กลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบว่า เรื่องนี้มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยจำนวนมาก แต่ในฐานะที่เป็นนักการเมือง ส่วนตัวไม่ได้กังวลว่าบัตรเลือกตั้งจะมีกี่ใบ ตราบใดที่ตัวแทนของประชาชนสามารถทำงานในพื้นที่ได้ ตนเชื่อว่าไม่ว่าบัตรกี่ใบยังไงก็ได้รับเลือกแน่นอน ตนแค่ขอให้ทุกคะแนนมีคุณค่า ครบตามความตั้งใจของประชาชนเท่านั้น

ส่วนกรณีมีการวิเคราะห์ว่าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะทำให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับประเทศได้ นายณัฏฐพล กล่าวว่า จะได้จริงหรือ เพราะคนที่มีคดีหลายข้อหลายเรื่อง จะใช้วิธีอย่างนี้เลยหรือ การเลือกตั้งจะสามารถพากลับมาในประเทศไทยได้อย่างไร ตนยังคิดไม่ออก แต่ถ้าทำได้ก็คงไม่มีปัญหาก็ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนอย่างที่หลาย ๆ คนเข้ากันไปแล้ว ส่วนจะทำให้พรรคที่สนับสนุน นายทักษิณ ชินวัตร ชนะหรือไม่นั้น คิดว่าหลาย ๆ คนคงทราบกันดีอยู่แล้ว เพราะช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าประชาชนมีความเข้าใจ ถึงความต้องการที่ถูกต้อง

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กะเหรี่ยงระส่ำหนัก ส่อแตกคอกันเอง แย่งคุมพื้นที่ ล่าสุด “ปะหล่อง” สั่ง “คะฉิ่น” ถอนกำลังออกจากหมู่บ้านน้ำอุ๋ม ตอกย้ำรอยร้าว
“ผบ.ทสส.” ฮึ่ม สั่งกองทัพพัฒนาอาวุธยิงระยะไกล-โดรน ตอบโต้ภัยคุกคาม ติดเขี้ยวเล็บทหารไทย
"ดร.นิว"ฝากถึงสภาธรรมศาสตร์ ตัดสินใจให้ดีเลือกอธิการฯคนใหม่ ระวังมธ.ถูกนำใช้เป็นเครื่องมือการเมือง 3 นิ้ว
โซเชียล ซัดยับ "รถเบนซ์" ขับขวางรถพยาบาล ขณะไปรับผู้ป่วยฉุกเฉิน จี้ล่าตัวดำเนินคดี
"รัฐบาลไทย-บรูไนฯ" ยินดีร่วมมือทุกมติ สานสัมพันธ์ทางการทูต ครบรอบ 40 ปี
ศึกยะไข่เดือด กองทัพอาระกัน (AA) ประกาศเคอร์ฟิวด่วนที่สุด หลัง “โรฮิงญา” ซุ่มตีชาวบ้าน
”สมศักดิ์“ เข้าทำเนียบเก็บของ พร้อมลุยงานสาธารณสุขทันที ยันไร้ปัญหา “ชลน่าน”
"ทนายน้องไนซ์" เข้ายื่นนายกฯ ขอตั้งคกก.สอบการทำงานสื่อ ฉะนำเสนอบิดเบือน ปมอ้างเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด
5 ปี หมู-ไข่ ต้นทุนปรับขึ้น คนกินหายห่วง ภาครัฐดูแลราคาสมเหตุผล
"รอง ผบ.ตร." รับอาจสอบ “บิ๊กโจ๊ก” เอี่ยวเว็บพนันฯ ไม่ทันเกษียณ ลั่นจะคืนความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น