วันที่ 27 พ.ค. –น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร.ฯ ปฏิบัติราชการ บช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง และอาหารกล่องปรุงสำเร็จ พร้อมรับประทานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในชุมชนเมือง และข้าราชการตำรวจ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สถานีตํารวจนครบาลพญาไท และสถานีตำรวจรถไฟมักกะสัน ชุมชนมักกะสัน เขตราชเทวี โดยมีน.ส.ศิริภา อินทวิเชียร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาฯ นางผุสดี วงศ์กำแหง อดีต สก. เขตราชเทวี ร่วมลงพื้นที่
น.ส.จิตภัสร์ กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จากตัวเลขปู้เสียชีวิตที่ทำนิวไฮเสียชีวิต 47 ราย มียอดผู้ติดเชื้อใหม่อีก 3,323ราย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ น่ากลัวมากพบอีก 5 คลัสเตอร์ใหม่ รวมแล้วมีการแพร่ระบาด 38 คลัสเตอร์ โดยพื้นที่ตามชุมชน และแคมป์ก่อสร้าง ยังคงเป็นสถานที่แพร่ระบาดที่น่าวิตกกังวล จึงมามอบสิ่งของจำเป็น เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งช่วยบรรเทาความทุกข์ยากในการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่ และจากการลงพื้นที่ต่างๆ มาต่อเนื่องได้ฟังปัญหาจากประชาชนที่ต้องดิ้นรนดูแลรักษาตัวเองให้มีชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวันแล้ว ยังมีปัญหาสับสนในมาตรการในการบริหารจัดการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19ให้ทั่วถึง
น.ส.จิตภัสร กล่าวว่า ยังมีประชาชนตกหล่นอีกจำนวนมาก ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการลงทะเบียนจองสิทธิฉีดวัคซีน ยิ่งเมื่อรัฐบาลประกาศชะลอการลงทะเบียน ”หมอพร้อม” แล้วให้คนในกทม. ไปลงทะเบียนผ่าน แอพพลิเคชั่น ”ไทยร่วมใจ” เพื่อจองคิวฉีดวัคซีนขึ้นมาอีกแอพพลิเคชั่น ยิ่งทำให้ประชาชนสับสนว่า ต้องโหลดสารพัดแอพพลิเคชั่นเพื่อจองคิววัคซีน จึงขอเรียกร้องนายกรัฐมนตรี ให้เร่งแก้ปัญหาบริหารจัดการให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ทบทวนการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ชัดเจนแก่ประชาชน ในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้สำเร็จทันต่อการแพร่ระบาด และต้องมียุทธศาสตร์ชัดเจน ในการจัดลำดับความสำคัญในการกระจายวัคซีน โดยปราศจากความทับซ้อนและเรื่องผลประโยชน์ทางการเมือง การเล่นพรรคเล่นพวก และต้องให้คำตอบแก่ประชาชนได้ว่าแต่ละกลุ่มจะได้รับวัคซีนเมื่อไหร่ และจำนวนเท่าใดเพื่อจะได้เร่งสร้างความมั่นใจในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเข้าถึงบริการของรัฐอย่างเท่าเทียมกัน
