No data was found

ถอดรหัสเกมชิงอำนาจ-ปมร้อนที่ชัยภูมิ

กดติดตาม TOP NEWS

ส่องการเมืองภายในพลังประชารัฐหลัง "สนธิรัตน์" ส่ง 8 ว่าที่ผู้สมัครร่วมประกวดลง ส.ส.เขต เผย 2 กุมารส่งสัญญาณเกมแชร์อำนาจ พร้อมวิเคราะห์ภาพความขัดแย้งชัยภูมิที่ไม่อาจมองข้าม จับตาสองบ้านใหญ่ "ชัยวิรัตนะ-โล่ห์วีระ" ซัดกันนัวผ่านขั้วอำนาจ "วิรัช-บิ๊กน้อย"

สถานการณ์การเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะความแตกแยกไม่ลงรอยกันระหว่างบุคคลระดับแกนนำในพลังประชารัฐในเรื่องการจัดวางตัวว่าที่ผู้สมัครแต่ละเขตมีเค้าลางจะรุนแรงขึ้นทุกขณะ.. การเมืองพลังประชารัฐมีประเด็นที่น่าสนใจเมื่อนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมแถลง “สร้างอนาคตไทยคืนสู่เหย้าพรรคพลังประชารัฐ” ก่อนเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรค พปชร. จำนวน 8 คน

ทั้งนี้ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 8 คนประกอบด้วย 1.นายประจวบเหมาะ ภักดีชน จ.นครศรีธรรมราช 2.พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี จ.ชุมพร 3.นายกานต์ เพชรบูรณ์ จ.พังงา 4.นางปวีณา นิลแย้ม จ.ลพบุรี 5.นางศรัณยา สุวรรณพรหม จ.หนองบัวลำภู 6.นายมนตรี เพิ่มชัย จ.อุดรธานี 7.นายประวัติ กองเมืองปัก จ.มหาสารคาม 8.นายทวีศักดิ์ ประทุมล จ.มุกดาหาร

 

การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 8 คนของนายสนธิรัตน์ หนึ่งในแกนนำ 4 กุมารมีประเด็นน่าสนใจจนต้องวิเคราะห์ว่านี่คือการรุกคืบของแก๊ง 2 กุมารที่ต้องการเข้ามามีบทบาทในการแบ่งปันอำนาจในรั้วพลังประชารัฐ ไม่ใช่เป็นแค่ตัวชูโรงในเรื่องเศรษฐกิจไปวันๆ เท่านั้น ดังนั้นนายสนธิรัตน์ และนายอุตตม สาวนายน จำเป็นต้องมีแขนขามือเท้าไว้เป็นแรงขับเคลื่อน เพราะบทเรียนจากการถูกถีบหัวส่งเมื่อครั้งรัฐบาลลุงตู่ 1 ยังเป็นอะไรที่จำฝังใจ แต่การเข้ามาดังกล่าวอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเกิดปัญหาขบเหลี่ยมกับบรรดาแกนนำคนอื่นอย่างแน่นอน

สำหรับ 8 อรหันต์ที่นายสนธิรัตน์ ส่งประกวดล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาคนข้างกายเมื่อครั้งพรรคสร้างอนาคตไทยยังดำรงค์คงอยู่ และทั้ง 8 รายชื่อคือส่วนนึงของบรรดาว่าที่ผู้สมัครสร้างอนาคตไทยที่นายสนธิรัตน์นำไปเป็นข้อเสนอเพื่อให้คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ส่งลงสมัครในสีเสื้อไทยสร้างไทยในบางเขต แต่คุณหญิงหน่อยปฏิเสธจนเป็นที่มาของดีลไทยสร้างไทยรวมสร้างอนาคตไทยล่มไม่เป็นท่า

เมื่อไล่เลียงรายชื่อว่าที่ผู้สมัครทั้ง 8 คนที่เป็นเด็กฝากนายสนธิรัตน์พบว่า

1.นายประจวบเหมาะ ว่าที่ผู้สมัครจ.นครศรีธรรมราช เคยดำรงค์ตำแหน่ง ผอ.รร.บ้านท่าเรือมิตร 30 และเคยเป็นส.อบจ.นศ.เขตอำเภอเชียรใหญ่

2.พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ว่าที่ผู้สมัคร จ.ชุมพร เคยดำรงตำแหน่งอดีตผู้กำกับการ อ.หลังสวน จ.ชุมพล และอดีตรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร โดยก่อนหอบผ้าตามนายสนธิรัตน์มาอยู่พลังประชารัฐ นายตำรวจหนุ่มคนนี้ได้แรงส่งจากนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัตร เมื่อครั้งยังจับมือกับสร้างอนาคตไทยส่งประกวดในเขต 3 โดยนายนิพิฏฐ์การันตีว่าเป็นตำรวจที่มุ่งมั่นทำงานให้คนในพื้นที่ชุมพรอย่างจริงจัง

3.นายกานต์ ว่าที่ผู้สมัคร จ.พังงา ก่อนมาอยู่สร้างอนาคตไทยและตามนายสนธิรัตน์มาอยู่พลังประชารัฐนั้น นายกานต์ หรือ โค้ชกานต์ เคยเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พังงาพรรคกล้าของนายกรณ์ จาติกวิณิช โดยมีความเชี่ยวชญงานด้านกีฬา และยังเคยเป็นคณะทำงานด้านกีฬา KLA Sport พรรคกล้าที่มีแนวคิดผลักดันกลุ่มจังหวัดอันดามันเจ้าภาพซีเกมส์ปี 2025

 

ข่าวที่น่าสนใจ

4.นางปวีณา ว่าที่ผู้สมัครจ.ลพบุรี เป็นนายกกิ่งกาชาดอำเภอพัฒนานิคมและเคยเป็นผู้สมัครเขต 2 พรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งปี 2562 มาครั้งนี้นายสนธิรัตน์ส่งประกวดอีกครั้ง

5.นางศรัณยา ว่าที่ผู้สมัคร จ.หนองบังลำภูเป็นรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู โดยก่อนหน้านี้นายสนธิรัตน์วางตัวให้เป็นผู้สมัครพรรคร้างอนาคตไทยในจังหวัด หนองบัวลำภู และถือเป็นตัวความหวังเนื่องจากมีฐานเสียงในพื้นที่เขต 3 หนองบัวลำภูมาอย่างยาวนาน

6.นายมนตรี ว่าที่ผู้สมัคร จ.อุดรธานี เป็นอดีต ส.อบจ. จังหวัดอุดรธานี และเคยเปิดตัวเป็นผู้สมัครเขต 6 จังหวัดอุดรานี พรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

7.นายประวัติ ว่าที่ผู้สมัครจ.มหาสารคราม อดีตนายกอบจ.ตำบลกรุดรัง จ.มหาสารคราม และ

8.นายทวีศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร จ.มุกดาหาร เคยเป็นผู้สมัครเขต 2 พรรคพลังประชารัฐ โดยในการสมัครครั้งนั้นนายทวีศักดิ์ชูนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มารดาประชารัฐ และพักชำระหนี้เกษตรกรให้แก่ชาวตำบลนาโสก แต่ยังสอบตกพ่ายให้กับพรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้สำหรับ 8 ว่าที่ผู้สมัครดังกล่าวแม้จะไม่ใช่ดาวเด่นที่จะสร้างแรงกระเพื่อมไปถึงพรรคการเมืองคู่แข่ง แต่ในทางนึงอาจเป็นการรุกคืบของกลุ่ม 2 กุมารที่ต้องการเข้ามาแชร์อำนาจในการวางตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในบางเขต ซึ่งเรื่องนี้อาจเกิดปัญหาการทับซ้อนเขตการวางตัวผู้สมัครพลังประชารัฐที่บรรดาหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์วางตัวเด็กในคาถาไว้แล้ว

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแม้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะออกมายืนยันหนักแน่นว่า สำหรับว่า “ผู้สมัครทั้ง 8 คนถ้าดีกว่าที่เรามี และยังขาดอยู่ก็ต้องเอาคนของพรรคสร้างอนาคตไทย ส่วนวันนี้เข้ามาเพิ่มอีกหลายสิบคน จึงต้องมองดูแล้วว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นตัวแทนของ พปชร. ส่วนคนที่ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.เขตก็จะกันเอาไว้สำหรับการขึ้นสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของ พปชร. ซึ่งได้บอกไปว่า ทุกคนยังมีตำแหน่งทางการเมืองอีกมากมาย”

คำพูดแบบโลกสวยของของนายวิรัช อาจเป็นแค่เพียงหน้าฉาก แต่หลังฉากย่อมเข้มข้นดุเดือดแก่งแย่งตัดแข้งขากันอุตลุด ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือเหตุการณ์สะเทือนเลื่อนลั่นที่จังหวัดชัยภูมิ กรณีมีการเผยแพร่หนังสือลงนามโดย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ “บิ๊กน้อย” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร. มือขวาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้ปลดป้ายหาเสียง 2 ผู้สมัคร จ.ชัยภูมิ คือ น.ส.จิตราภรณ์ กล้าแท้ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เขต 1 และ นพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชัยภูมิ เขต 7 โดยอ้างว่าผู้สมัครทั้งสองไม่ใช่ผู้แทนในนามของพรรค พปชร. โดยการติดตั้งป้ายอาจทำให้ประชาชนมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งเรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมกำลังจับจ้องว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเมืองภายในพลังประชารัฐ

จากเหตุการณ์ดังกล่าวคนในแวดวงการเมืองวิเคราะห์ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องการคัดเลือกตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต จังหวัดชัยภูมิ ที่ตอนนี้เกิดการเปิดศึกกันเองระหว่างสองขั้วการเมืองระหว่างนายวิรัช และ นายอร่าม โล่ห์วีระ เด็กในคาถาของพล.อ.วิชญ์ ที่ต้องการกำลังชิงอำนาจในจังหวัดชัยภูมิในการผลักดันคนของตัวเองลงเลือกตั้ง

ทั้งนี้การเลือกตั้งปี 2566 ที่จะถึงจังหวัดชัยภูมิมีเก้าอี้เพิ่มจาก 6 เขต เป็น 7 เขต โดยการเลือกตั้งปี 2562 พลังประชารัฐสามารถปักธงได้ถึง 2 เก้าอี้ คือ เขต 2 นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ และ เขต 3 นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ แต่ปัจจุบัน ส.ส.ที่สอบได้ทั้งสองคนไปซบพรรคภูมิใจไทยหมดแล้ว

ปมของปัญหาดังกล่าวาเกิดจากรณีที่นายวิรัช มีดีลกับตระกูล “ชัยวิรัตนะ” ของนายแพทย์ ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ อดีต ส.ส.6 สมัย บ้านใหญ่ชัยภูมิ ที่พาลูกทีมจากภูมิใจไทยย้ายเข้ามาพลังประชารัฐ แต่ดีลดังกล่าวเกิดปัญหาใหญ่เมื่อไปทับทางกับบ้านใหญ่ชัยภูมิตระกูล “โล่ห์วีระ” ของนายอร่าม อดีตส.ส.ชัยภูมิ 6 สมัย ที่ย้ายมาอยู่พลังประชารัฐเช่นกัน

 

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่านายอร่ามมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับพล.อ.วิชญ์ชนิดมองตาก็รู้ใจ แม้ในครั้งที่พล.อ.วิชญ์ย้ายไปก่อตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย นายอร่ามติดตามไปช่วยงานไม่ห่างกาย…ด้วยสายสัมพันธ์ที่แนบแน่น ทำให้บ้านใหญ่ตระกูลโล่ห์วีระที่มีบิ๊กน้อยคอยหนุนหลัง และด้วยเหตุนี้จึงทำให้จังหวัดชัยภูมิเกิดศึกสองตระกูลระหว่าง “โล่ห์วีระ” กับ “ชัยวิรัตนะ” ที่ต่างฝ่ายต่างอยู่คนละขั้ว และที่สำคัญทุกคนไม่มีท่าทีจะอ่อนข้อหรือแบ่งปันพื้นที่ให้กัน เนื่องจากกลุ่มของนายวิรัชเห็นว่าตนเองมาก่อน ขณะที่นายอร่ามไม่สนใจเมื่อมีแบ็คชั้นดีอย่างพล.อ.วิชญ์ หนุนหลังเช่นกัน

จากความขัดแย้งดังกล่าวทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นถูกโยงไปที่นายวิรัชและพล.อ.วิชญ์อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ โดยเฉพาะเมื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เคยมีเรื่องหมางใจกับบิ๊กน้อยกลับเข้ามาในพลังประชารัฐก็ยิ่งตอกย้ำภาพความขัดแย้งมากขึ้น เพราะในแวดวงการเมืองย่อมทราบดีว่า นายวิรัช และ ร.อ.ธรรมนัส คือเนื้อเดียวกัน ซึ่งตรงจุดนี้อาจเป็นการผลักให้นายวิรัช และ พล.อ.วิทย์ เดินคนละเส้นทาง แม้โดยส่วนตัวนายวิรัช กับ พล.อ.วิชญ์ ไม่ได้มีภาพความขัดแย้งเป็นการส่วนตัวก็ตาม

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่บิ๊กป้อมต้องเร่งแก้ไข เพราะหากปล่อยไว้อาจเป็นไฟลามทุ่ง โดยจะเห็นได้จากการเคลื่อนไหวของกลุ่มสมาคมครูชนบทชัยภูมิที่ทำหนังสือถึงบิ๊กป้อมเพื่อดิสเครดิตนายวิรัช ในเรื่องคดีทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอล โดยโยงไปถึงโรงเรียนในพื้นที่ชัยภูมิเพื่อให้เห็นภาพ ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการส่งสัญาณไปยังประมุขบ้านป่ารอยต่อฯว่า จังหวัดชัยภูมิมีคนหลายกลุ่มที่ไม่ต้องการนายวิรัช และเพื่อให้ภาพความขัดแย้งเบาบางลง ทำให้นายวิรัชออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า พล.อ.วิชญ์ ไม่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว แต่คนที่อยู่เบื้องหลังทำเรื่องนี้ คือ “ไอ้โม่งที่ชัยภูมิ”

เป็นสถานการณ์เดือดในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิที่เล่นกันแรง ซึ่งเชื่อว่าแผลที่ถูกเปิดออกมาเป็นการตั้งใจซัดใส่นายวิรัชแบบไม่มียั้งมือ และที่สำคัญต้องจับตามองว่า ปัญหาการวางตัวว่าที่ผู้สมัครระหว่างบ้านใหญ่ “ชัยวิรัตนะ” ค่ายนายวิรัช กับบ้านใหญ่ “โล่ห์วีระ” ที่มีแบ็กอัปเบอร์ใหญ่อย่างพล.อ.วิชญ์จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้หรือไม่…

จากนี้ต่อไปปัญหาความวุ่นวายในการจัดวางตัวผู้สมัครที่ทัพเขตจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ หาก พล.อ.ประวิตร ยังไม่สามารถสยบบรรดาแกนนำที่เป็นขุนพลให้หลอมลวมเป็นเนื้อเดียวกันได้…ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจเป็นอาฟเตอร์ช็อกที่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจนกลายเป็นแผ่นดินไหวระดับที่น่ากลัวในพลังประชารัฐก็เป็นไปได้…?

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

MOU ลุงตู่ไปต่อ ไฟเขียว เชื่อมสัมพันธ์การค้าซาอุฯ
สภาพอากาศวันนี้ กรมอุตุฯ เผยอากาศร้อนจัดในตอนกลางวัน เตือน 49 จว. ฝนถล่ม กทม.โดนด้วย
เพลิงไหม้บ้านชาวตุรกี หวิดวอดทั้งหลัง
พบศพชายวัย 54 นอนเสียชีวิตกลางป่า ตรวจโควิคผลบวก
“อนุทิน” ประกาศคืนชายหาดเลพังให้ชาวภูเก็ต หลังกรมที่ดินต่อสู้ ยืดเยื้อกับผู้บุกรุก
ไถ่ชีวิตควายเกือบ 400 ชีวิตรอดพ้นโรงเชือดวันเกษตรกรไทย
ตร.กองปราบปราม รวบลูกครึ่งอังกฤษ ขนทัวร์ให้คะแนนร้านอาหารภูเก็ต 1 ดาว ไม่พอใจเดินผ่านเข้าห้องพักไม่ได้
นายอำเภอบางละมุง เตือนประชาชนและผู้ประกอบการ ระวังมิจฉาชีพ หลังถูกปลอมไลน์ เตรียมรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด
กล้องหน้ารถจับภาพ! รถทัวร์เบียดจักรยานทำนักท่องเที่ยวต่างชาติแขนหัก
นักเรียนภาคเหนือแห่สมัคร "Kid Dee camp" ล้นหลาม "สนง.สลากฯ-มูลนิธิยังมีเรา" จัดเต็ม เปิดรับจำนวนเด็กค่ายเพิ่มเท่าตัว ขยายโอกาส แบ่งปันการเรียนรู้

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น