เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2564 เวลา 11.00 น ผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุกรณี เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.กาญจนบุรี (กก.ตม.จว.กาญจนบุรี) หลังมีการรับชาวต่างด้าว 4 คน ชาวพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองมา โดยไม่มีการตรวจคัดกรองโรคตามข้อสั่งการ กรณีดังกล่าวเป็นเหตุให้มีการแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 ไปติออีก 30 ราย ตรวจสอบเป็น 34 ราย กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อ 300 ราย เป็นเหตุให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย ติดโควิด 19 และลูกจ้างแม่บ้าน 1 ราย ส่อเป็น คลัสเตอร์ใหม่ ที่ผ่านมาทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดระดับสูง ก็ได้มีคำสั่งให้ ผกก.ตม. กาญจนบุรี ไปช่วยราชการที่อื่นชั่วคราว และมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รรท.ผบก.ตม.3 จว.กาญจนบุรี มารักษาการแทน พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ ก็ได้ให้สัมภาษณ์เปิดเผย กับผู้สื่อข่าวว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อออนไลน์ กรณี ตม.จว.กาญจนบุรี รับ 4 ต่างด้าว โดยไม่ผ่านจุดคัดกรองโรค ทำให้มีผู้ต้องกักตัวอื่นติดเชื้อไวรัสโควิด 19 นั้น ทาง สตม.ขอย้ำว่า คนต่างด้าวทั้ง 4 ราย ได้ทำการตรวจเชื้อผ่านจุดคัดกรองโรค และมีใบรับรองผลการตรวจ ว่าไม่พบเชื้อโรคไวรัส โควิด 19 ต่อมาภายหลัง ถึงพบว่าตัวผู้ต้องกักได้ติดเชื้อ จึงได้ทำการแยกผู้ติดเชื้อออกมาและประสานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสนามให้มาตรวจหาเชื้อผู้ต้องกักตัวทั้งหมดพบว่าติดเชื้อ 34 ราย เบื้องต้น ได้ติดต่อไปทางจังหวัดกาญจนบุรี ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจคัดกรองผู้ต้องกักตัวที่เหลือเพื่อหาเชื้อ พร้อมกับ เตรียมหาโรงพยาบาลสนามไว้รองรับ ถ้ามีผู้ต้องกักตัวติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทาง สตม.ขอยืนยันว่าได้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสารณสุข ทั้งในด้านการคักกรองการคัดแยกกลุ่มเสี่ยง การรักษาพยาบาล ฯลฯ ตลอดจนให้การดูแลใส่ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ที่เกี่ยงข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเคร่งครัด และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตรวจสอบกรณีดังกล่าว พร้อมทั้งมีการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตม.จว.กาญจนบุรี ได้ทำการตรวจคัดกรองเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องกักตัวทำการพ่นยาฆ่าเชื้อเพื่อความปลอดภัยของ
กัมพล ทันเวลา : ผู้สื่อข่าว จ.กาญจนบุรี