นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชั่นที่ใช้ติดตามผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อว่า เขาได้อยู่ใกล้ชิด นายซาจิด ราวิด รัฐมนตรีสาธารณสุขที่ออกมาประกาศว่าติดเชื้อโควิด 19 โดยเขาได้ประชุมร่วมกันในวันศุกร์ และนายราวิดได้ออกมาประกาศวันเสาร์ นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องจึงจัดอยู่ในความเสี่ยงและควรกักตัว แต่ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นายริชี่ สุนัค ได้ตัดสินใจครั้งแรกว่าจะไม่กักตัว และจะเข้าร่วมในโครงการนำร่องที่อนุญาตให้พวกเขาออกมาทำงานต่อไปได้แทนที่จะกักตัว โดยจะทำการตรวจทดสอบการติดเชื้อในทุกวันแทน
แต่ในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมง การตัดสินใจไม่กักตัว กลายเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และนักธุรกิจมากมาย เช่นโจนาธาน แอชเวิร์ธ โฆษกด้านสุขภาพของพรรคแรงงานฝ่ายค้าน ได้กล่าวว่า หลายคนคงโกรธที่พวกเขาได้รับสิทธิ์ VIP ในการหลีกเลี่ยงการกักตัวตามกฎที่ควรทำ
เวลาต่อมา นายกรัฐมนตรีจอห์นสันจึงได้ออกคลิปจากที่พักของเขา และประกาศกักตัว โดยจอห์นสันกล่าวว่า เมื่อได้พิจารณาเกี่ยวกับแนวคิดที่จะเข้าร่วมในโครงการนำร่อง แต่ได้เห็นว่ามันเป็นสิ่งสำคัญกว่ามากที่ทุกคนควร ยึดมั่นในกฎเดียวกัน ทั้งนี้ จอห์นสันจะทำการกักตัวไปจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม
ขณะนี้ สหราชอาณาจักรกำลังประสบปัญหาจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น คนที่ได้รับแจ้งเตือนว่าอยู่ใกล้ชิดและต้องกักตัวมีจำนวนหลายแสนคน จึงทำให้เกิดการขาดแคลนพนักงาน กระทบกับธุรกิจที่ต้องใช้กำลังคนขับเคลื่อนเป็นหลัก เช่นโรงงาน และขนส่งสาธารณะ รัฐบาลจึงตัดสินใจยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ที่เหลือทั้งหมด เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเริ่มใหม่หลังจากได้รับความเสียหายจากการล็อกดาวน์หลายครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยเรียกร้องให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังแทน
ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อในอังกฤษยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า มีผู้ติดเชื้อใหม่มีมากกว่า 54,000 คน ซึ่งเป็นยอดรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่เนื่องจากโปรแกรมการฉีดวัคซีนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง 87.8 เปอร์เซ็นต์ ของกลุ่มผู้ใหญ่ได้ฉีดไปแล้ว 1 โดส และ 67.8 เปอร์เซ็นต์ ได้ฉีดไปแล้ว 2 โดส อัตราการเสียชีวิตแม้จะยังมี แต่ก็จัดอยู่ในระดับต่ำกว่าที่เคยเป็น จากที่เคยพุ่งสูง เกือบ 2,000 คนต่อวัน ในเดือนมกราคม ก็สามารถลดลงจนเหลือประมาณ 40 คนต่อวัน