ยูเอ็น คอมเทรด (UN Comtrade) ขององค์กรสหประชาชาติ ได้เผยแพร่ข้อมูลว่า ช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมของปีนี้ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 28 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการนำเข้าที่ประมาณ 29.4 ล้านตัน ด้านราคาเฉลี่ยของถ่านหินนำเข้าปีนี้อยู่ที่ประมาณ 317 ดอลลาร์ต่อตัน จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วจะอยู่ที่ 105 ดอลลาร์ต่อตันเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้นำเข้ารายใหญ่ๆก็จะมีประเทศ เยอรมนี โปแลนด์ สเปน อิตาลี และเนเธอร์แลนด์
การเพิ่มการนำเข้านี้เกิดขึ้น เนื่องจากสหภาพยุโรปได้ตกลงกันเมื่อเดือนเมษายน ประกาศคว่ำบาตรกับรัสเซียรอบที่ 5 ด้วยการห้ามนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 สิงหาคม หรือเมื่อวานนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการคว่ำบาตรนั้น รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์ถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป มีสัดส่วนการนำเข้าที่ 45 เปอร์เซ็นต์ของการนำเข้าทั้งหมด แต่ละปี รัสเซียทำเงินจากการส่งออกถ่านหินได้ประมาณ เกือบ 4 พันล้านยูโร (หรือเกือบ 1.5 แสนล้านบาท)
อย่างไรก็ดี การตกลงห้ามนำเข้าถ่านหินของสหภาพยุโรป ทำให้เยอรมนีและโปแลนด์ เป็นประเทศที่น่าจะได้รับผลกระทบที่สุด โดยทางเยอรมนีนั้น นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอล์ซ ได้ออกมากล่าวว่า เยอรมนีตระหนักแล้วว่า ประเทศต้องพึ่งการนำเข้าพลังงานจากที่อื่นมากเพียงใด โดยเฉพาะจากรัสเซีย สถานการณ์ดังกล่าวนี้ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็น ที่ประเทศจะต้องเดินหน้าให้เร็วขึ้น เพื่อไปสู่แหล่งพลังงานที่สะอาดและสามารถผลิตได้ภายในประเทศ ทั้งนี้ เยอรมนีจะเพิ่มการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศเพื่อแทนที่การนำเข้าจากรัสเซีย โดยอาจจะนำเข้ามาจากสหรัฐ ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้