วันที่ 8 ก.ค. 2564 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีดำอ.4176/52 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์(นปช.) ในความผิดฐานหมิ่นประมาท จากกรณีเมื่อวันที่ 11 และ 17 ต.ค.2552 จำเลยได้กล่าวปราศรัยให้ประชาชนทั่วไปฟังผ่านการถ่ายทอดสด ทางช่องพิเพิล แชนแนล ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายจตุพร กล่าวว่า เดินทางมาฟังคำสั่งศาลไม่ใช่คำพิพากษา เพราะคำพิพากษาเป็นที่ยุติ และ ได้ถูกจองจำคุกไปแล้ว โดยศาลได้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดและสั่งปล่อยตัวเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ ได้ฟ้องร้องหลายคดีและศาลมีคำสั่งจำคุก 2 คดี
วันนี้จึงต้องการฟังคำพิพากษา จะไม่มีการขอเลื่อน ขอรับฟังเท่านั้น ปัญหา ที่เกิดขึ้น ความเสียหาย จากการสั่งของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ในขณะที่สั่งให้นับโทษต่อ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ ที่จะกระทำได้ กระบวนการยุติธรรมนี้จะรับผิดชอบอย่างไร การที่มีคำสั่งปล่อยตัวในขณะที่ตัวเองเป็นนักโทษชั้นดีเรื่องนี้ต้องขอขอบคุณ
ที่ผ่านมาตัวเองติดคุกมาแล้ว 4 ครั้งเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์คุกคนหนึ่ง รู้แล้วว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร ในส่วนของคณะไทยไม่ทน ต่อให้ไม่มีตัวเองก็จะต้องเดินหน้าต่อ เบื้องต้นจากการที่พูดคุยการชุมนุมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้จะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่มีการตั้งเวทีปราศรัยแต่จะยกขบวนไปสมทบกัน
นายจตุพรกล่าวต่อว่าในหลายเรื่องที่ได้ค้างคา ตัวเองได้เตรียมพร้อมและทำสำเร็จหมดแล้ว ทั้งการเดินทางไปฉีดวัคซีน ทำฟัน เพื่อเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในชีวิต เพราะฉะนั้นแล้วในวันนี้ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรขอให้คนในประเทศ มีความรักและความศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตามคดีนี้ศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุก2กระทงๆละ 1 ปี รวมจำคุก2 ปีโดยไม่รอลงอาญา จำเลยยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน และให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่นับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ ต่อจากโทษจำคุกจำเลยคดีอาญาหมายเลขแดง อ.4907/55 ของศาลชั้นต้น และยกเลิกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของจำเลยเลขที่ อท.229/61 ลงวันที่ 19 ก.พ.2561 กับให้ศาลชั้นต้นออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดใหม่เพื่อบังคับตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป จำเลยยื่นฎีกา และคำร้องคัดค้าน ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ให้ลดโทษจำคุกกึ่งหนึ่งเหลือกระทงละ 6 เดือน 2กระทงรวมจำคุก 12 เดือน
ล่าสุด ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวว่า ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ คือให้นับโทษคดีที่สองต่อจากคดีเเรกเมื่อคดีเเรกถึงที่สุด โดยระหว่างนี้ศาลอาญาอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าโทษต่อจากคดีเเรก ที่ให้นับต่ออีก 12 เดือน จะนับอีกเท่าไหร่
พร้อมกับกล่าวต่อว่า สิทธิประโยชน์จากการเป็นนักโทษชั้นดีและอภัยโทษ นายจตุพรควรจะได้ด้วยหรือไม่ เพราะถ้าได้รับก็ต้องหักลบ วันที่ต้องได้รับโทษจำคุก แต่อย่างไรก็ตามนายจตุพรก็ตั้งคำถามว่า หากก่อนหน้านี้ศาลมีคำสั่งปล่อยตัวและในวันนี้จะนำกลับเข้าไปเรือนจำใหม่อีกครั้ง ถือว่าเป็นความยุติธรรมหรือไม่
นายวิญญัติ กล่าวต่อว่าในขณะนี้คงไม่ต้องลุ้นแล้ว ว่าจะติดคุกหรือไม่ติดคุกรอเพียงอย่างเดียวว่าจำนวนวันที่ติดคุกจะกี่วันและกี่เดือน ซึ่งตัวเองก็ยังให้คำตอบไม่ได้ แต่ที่ประเมินไว้ก็หลายวัน