ผู้ว่า ฯ กทม.พร้อมคณะตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่จุดบริการฉีดวัคซีน เซ็นทรัลลาดพร้าว ย้ำ เร่งฉีดวัคซีนให้กับบุคคลกลุ่มเสี่ยงก่อน โดยในวันนี้ จะเร่งฉีดให้ คนขับรถ หรือเรือโดยสารสาธารณะ ที่ให้บริการประชาชน อีกไม่นาน จะเป็นคิวของคนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ผู้ที่ประกอบอาชีพดูแลผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก
วันนี้(16พ.ค.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และสำนักอนามัย โรงพยาบาลรามาธิบดี เดินทางมาตรวจเยี่ยมตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มคนขับรถขนส่งสาธารณะ บริเวณที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล หรือหน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย ณ ชั้น3 Sky Hall ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เขตจตุจักร
สำหรับการฉีดวัคซีนในวันนี้นั้น จะดำเนินการให้กลุ่มเสี่ยงโดยเริ่มจากคนขับรถ หรือเรือโดยสารสาธารณะ ที่ให้บริการประชาชน ประกอบด้วย พนักงานขับรถเมล์ ขับรถไฟฟ้า ขับเรือ เป็นต้น ก่อนที่จะพิจารณาเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีความสูงลำดับถัดไป ประกอบด้วย คนขับแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ ผู้ที่ประกอบอาชีพดูแลผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก เป็นต้น โดยการฉีดวัคซีนในวันนี้และวันอื่นๆ จะเป็นการให้บริการของบุคคลที่มีรายชื่อเท่านั้น จะยังไม่เปิดให้บริการกับประชาชนที่เดินทางมารับวัคซีนด้วยตนเองบริเวณหน้างาน และหลังจากนี้จะดำเนินการพิจารณากลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เพื่อให้เพียงพอต่อวัคซีนที่จะได้รับ เพื่อให้เพียงพอต่อประชาชน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สำหรับที่ฉีดวัคซีน ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าวแห่งนี้ มีการเปิดให้บริการตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 64 เฉลี่ยแล้วฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้วันละ 1,000 ราย และในวันนี้ 16 พ.ค. 64 จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน 1,000 ราย ซึ่งประชาชนส่วนมากให้ความร่วมมือในการเข้ารับวัคซีนเป็นอย่างดี ส่วนการเปิดจุดให้บริการฉีดวัคซีนนอกสถานพยาบาลนั้น คาดว่าจะเปิดครบ 25 จุด ไม่เกิน พ.ค. นี้
ส่วนกรณีขอวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขมาฉีดให้กับประชาชนนั้น เบื้องต้นขอเป็นเดือนละ 1 ล้านโดส แต่ในเดือนหน้าจะมีการปรับเปลี่ยนเป็น 1,500,000 โดส เนื่องจากประชาชนในกรุงเทพฯมีจำนวนมาก แต่หากตัดบุคคลที่อายุไม่ถึง 18 ปีออกไป ก็จะเหลือประมาณ 7-8 ล้านคน และหวังว่าจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคนไม่เกินปีนี้อย่าง หรือประมาณเดือนมิ.ย.-ส.ค. 64 คาดว่าจะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเกิน 1 ล้านคนอย่างแน่นอน
สำหรับบุคคลที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และไม่สามารถมารับวัคซีนบริเวณหน้างานนั้น ขอเรียนว่าทางกรุงเทพมหานคร จะต้องฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงก่อน หรือจัดตามลำดับความสำคัญ จากนั้นจะพยายามบริหารจัดการให้กับบุคคลทั่วไปได้เข้ารับวัคซีนให้เร็วที่สุด
ส่วนเรื่องการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 มิ.ย. 64 นี้นั้น ส่วนตัวมองว่าในเมื่อสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่ การเปิดภาคเรียนไปก็อาจจะมีความเสี่ยง ซึ่งไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเด็กนักเรียนแต่ละคนได้รับเชื้อมาจากที่บ้าน หรือที่โรงเรียน และอาจจะมีการติดเชื้อในวงกว้าง ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะควบคุมได้ยากพอสมควร จึงมองว่าอาจจะยังไม่มีการเปิดภาคเรียนตามที่ประกาศล่าสุด
ส่วนการประชุมที่รัฐสภามีการถอดหน้ากากอนามัยอภิปรายนั้น ในส่วนนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของประธานสภา ในการใช้อำนาจหน้าที่ และข้อบังคับ ว่าจะให้ผู้อภิปรายสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่สวม ดังนั้นอยากจะแนะนำให้ไปสอบถามกับประธานรัฐสภาเองจะดีกว่า
สำหรับการปิดให้บริการของตลาดสดนั้น เบื้องต้นได้ทำหนังสือส่งไปยังตลาดย่านคลองเตย แล้วจำนวน 5 แห่ง ปิดให้บริการจนถึงสิ้นเดือน หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ส่วนตลาดยิ่งเจริญนั้น ทางผู้อำนวยการเขตบางเขน ก็ได้สั่งการให้ปิดตลาดชั่วคราว และสั่งทำความสะอาดตลาดทันที
ด้าน น.ส.นัท (ไม่เปิดเผยนามสกุล) พนักงานเก็บเงินบนรถเมล์ เล่าว่า เบื้องต้นตนได้รับการแจ้งจากทางบริษัทว่า ตนมีรายชื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ตนจึงรีบเดินทางมาเข้ารับบัตรคิวตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ใจลึกๆแล้วก็ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ และกังวล เนื่องจากตนมีอายุมาก และมีโรคประจำตัว อีกใจก็มองว่าอยากจะฉีดวัคซีน เนื่องจากตนทำงานให้บริการประชาชนต้องพบเจอประชาชนทุกรูปแบบ ซึ่งไม่ทราบว่าใครมีวิธีการใช้ชีวิตอย่างไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากจะให้ผู้ที่ให้บริการกับประชาชนทุกๆคนมารับการฉีดวัคซีน เพื่อมีเกราะป้องกันดีกว่าไม่มีอะไรเลย
ด้าน นายศุภกิจ สว่างโยธิน อายุ 52 ปี หัวหน้าสถานีรถเมล์ศูนย์รังสิต เล่าว่า หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว ตนก็รู้สึกสบายใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งตอนนี้ตนมีอาการปกติทุกอย่าง ไม่มีผลข้างเคียงใดๆเกิดขึ้น ขณะเดียวกันทางพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็ได้มาพูดคุยให้กำลังใจซึ่งตนรู้สึก ดีใจและมีกำลังใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงอยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ประกอบอาชีพให้บริการประชาชนทุกๆคนว่า ขอให้มารับวัคซีนกันเยอะๆ อีกอย่างเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาคนที่มาฉีดวัคซีนก็ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ย้ำว่าไม่ต้องกลัวและขอให้สบายใจในการมาฉีดวัคซีน และหลังจากนี้ตนก็จะพยายามป้องกันตนเองเช่นเดิม เหมือนอย่างที่รัฐบาลได้ประชาสัมพันธ์ไว้ว่า ขอให้ประชาชนทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ และเว้นระยะห่าง