เหตุกระทบกระทั่งล่าสุด ระหว่างเรือของจีนกับฟิลิปปินส์ในน่านน้ำทะเลจีนใต้ เกิดขึ้นใกล้กับสันดอน สกาโบโรห์ (Scarborough Shoal) หรือที่จีนเรียกเกาะหวงเหยียน ซึ่งเป็นจุดตึงเครียดของสองประเทศ หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ออกแถลงการณ์ระบุว่า เรือจากสำนักงานทรัพยากรน้ำและการประมง กับเรือหน่วยยามฝั่ง ที่กำลังเดินทางไปส่งเสบียงให้แก่ชาวประมง ถูกขัดขวางจากเรือหน่วยยามฝั่ง 4 ลำ และเรือจากกองกำลังทางน้ำของจีน 6 ลำ
เรือจีนใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ใส่เรือฟิลิปปินส์ทั้งสองลำ โดยเฉพาะเรือหน่วยยามฝั่งโดนฉีดน้ำอัดใส่ทั้งสองข้าง จนได้รับความเสียหาย แต่เรือฟิลิปปินส์ยังยืนหยัดทำการกิจต่อไป ความเสียหายที่เกิดขึ้น ถือเป็นหลักฐานความรุนแรงของแรงฉีดน้ำที่จีนใช้ทุกคามเรือของฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ฝ่ายจีนยังกลับมาวางแบริเออร์ลอยน้ำความยาว 380 เมตร ที่ทางเข้าแนวสันดอนสกาโบโรห์ ขัดขวางการเข้าไปภายในน่านน้ำ ที่เป็นแหล่งทำประมงดั้งเดิมของชาวฟิลิปปินส์
ขณะที่หน่วยยามฝั่งของจีน ระบุแค่ว่า ได้ขับไล่เรือฟิลิปปินส์ 2 ลำออกไปจากน่านน้ำเกาะหวงเหยียน โดยไม่ได้ขยายความ ส่วน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน บอกให้ฟิลิปปินส์เลิกรุกล้ำ เลิกยั่วยุ และไม่ท้าทายการยืนหยัดปกป้องอธิปไตยของจีน
แนวปะการังและโขดหิน ที่ประกอบเป็นแนวสันดอนสการ์โบโรห์ รูปทรงสามเหลี่ยม อยู่ห่างจาก ลูซอน เกาะหลักของฟิลิปปินส์ ไปทางตะวันตก 240 กิโลเมตร แต่อยู่ห่างจากเกาะไห่หนาน ซึ่งเป็นเกาะใกล้สุดของจีน เกือบ 900 กิโลเมตร แต่จีนอ้างกรรมสิทธิ์น่านน้ำในทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด
จีนเข้าไปยึดสันดอนแห่งนี้เมื่อ 10 กว่าปีแล้ว และส่งหน่วยยามฝั่งและเรือจำนวนหนึ่งไปประจำการ จากนั้นมาก็มีเหตุกระทบกระทั่งกับฟิลิปปินส์เป็นระยะ เหตุการณ์ในวันอังคาร (30 เมษายน ) เกิดขึ้นขณะที่ฟิลิปปินส์กับสหรัฐอเมริกา จัดการซ้อมรบใหญ่ประจำปี ที่ทำให้รัฐบาลปักกิ่งไม่พอใจอย่างมาก
สหรัฐกับฟิลิปปินส์มีสนธิสัญญาทางทหารร่วมกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯย้ำหลายครั้งว่า การโจมตีด้วยอาวุธ ต่อเรือ เครื่องบิน ทหารหรือหน่วยยามฝั่งของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ จะทำให้สนธิสัญญาฯฉบับนี้มีผลทันที
#Chinese coastguard vessels fired water cannons at a Philippine Coast Guard ships today at Scarborough Shoal, in the Philippine EEZ.
The PH ship was damaged. The Chinese also installed a 380-meter barrier at the entrance to the shoal. Via @jaytaryela pic.twitter.com/LVEuMMuj21
— Indo-Pacific News – Geo-Politics & Defense (@IndoPac_Info) April 30, 2024