AFP รายงานว่าผู้นำมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนปีนี้กล่าวระหว่างการเปิดประชุมรัฐมนตรีต่างชาติอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า “เครื่องมือที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตอนนี้กลับถูกนำมาใช้เพื่อกดดัน, โดดเดี่ยวและควบคุมชาติอื่น” และว่า “กำแพงภาษี, ข้อจำกัดในการส่งออกและอุปสรรคการลงทุนได้กลายเป็นเครื่องมือในการสร้างการแข่งขันด้านภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตามอันวาร์ได้แสดงความเห็นโดยไม่มีการระบุชื่อสหรัฐแต่อย่างใด
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะมีขึ้นเป็นเวลา 3 วันระหว่างวันที่ 9-11 กรกฎาคม ซึ่งปมภาษีทรัมป์จะเป็นประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกมาหารือมากที่สุด ขณะที่มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐก็อยู่ระหว่างการเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมในวันพรุ่งนี้และวันศุกร์ (10-11 กค.) ซึ่งจะมีรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชียตะวันออก รวมทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้และจีนรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียก็จะเข้าร่วมประชุมด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ อันวาร์ได้เรียกร้อง 10 ชาติสมาชิกอาเซียนให้แสดงความมีเอกภาพและพูดในทิศทางเดียวกันสอดคล้องกันและกระทำการด้วยความรอบคอบ และว่าความมีเอกภาพของอาเซียนจะต้องไม่จบลงแค่ในแถลงการณ์ แต่จะต้องฝังรากลึกในองค์กร, ในกลยุทธ์และในนโยบายเศรษฐกิจของอาเซียน
การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและการเยือนเอเชียของรูบิโอครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความวิตกของเอเชียและทั่วโลกปมภาษีตอบโต้ของทรัมป์ โดยหลายประเทศอาเซียนเผชิญกับอัตราที่สูงและหนักหน่วง นอกจากไทยและกัมพูชาที่โดนไป 36% มาเลเซียก็ถูกเรียก 25% ส่วนลาวและเมียนมาหนักที่สุด 40% ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งเป็นพันธมิตรสนิทโดน 25% มีเพียงเวียดนามโดนต่ำที่สุด 20% และเป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐ