วันที่ 9 กรกฎาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โชว์วิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond“ ภายในงาน SPLASH – soft power forum 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม โดยมี นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อม นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี นส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี ร่วมรับฟังการโชว์วิสัยทัศน์ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงรี เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการสอบถามให้ นายทักษิณ ได้อธิบายว่าอะไรคือคิดใหม่ทำใหม่
นายทักษิณ อธิบายว่า คิดจากวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต ไทยตามไม่ทันโลกเพราะอยู่กับที่เดิมๆ ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ “ตาดูดาวเท้าติดดิน” ต้องฝันและบินไปให้ไกล โดยที่ไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง เท้าต้องติดดินไว้คือสิ่งที่เป็นรากฐาน สิ่งที่เติบโตมายังคงอยู่ เรากำลังปรับตัวและกำลังไปสู่โลกกว้าง ต้องมั่นใจว่าแข็งแรงพอ
เมื่อถามว่ามนโยบายที่เคยทำในอดีต เมื่อปี 2544 เช่นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หรือกองทุนหมู่บ้าน แต่มีหนึ่งนโยบายที่ยึดหลัก “ตาดูดาวเท้าติดดิน” คือ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอทอป ที่มาที่ไปมาจากไหน นายทักษิณ ระบุว่า เจอคนญี่ปุ่นพูดคุยเรื่อง อีซองอีปิงของญี่ปุ่น แปลว่าหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ของประเทศเขา ตนเติบโตมาจากลานชินวัตรไหมไทย ที่สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ตนได้เห็นงานฝีมือมาโดยตลอด สามารถไปได้ในระดับหนึ่งแต่ไม่ไกล อยากให้ชาวบ้านมีส่วนเกี่ยวข้อง สร้างรายได้ แต่ชาวบ้านไม่สามารถลงทุนหาตลาด หรือออกแบบใหม่ รัฐบาลจึงต้องเข้าไปช่วย ได้บริษัทของญี่ปุ่นมาช่วย และได้ข้าราชการของกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ มาร่วมด้วย ทำให้โครงการโอทอปประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถขายได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท ส่งออกไปญี่ปุ่นขายผ่านรายการทีวีในญี่ปุ่นได้หลาย 100 ล้าน และเราจะปรับอะไรอีกต่อไปเนื่องจากการศึกษา และบริหารของเรามีปัญหา ไทยยังมีแนวคิดแบบต่างคนต่างทำ จึงคิดว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยน่าจะยังเป็นจุดแข็ง อยากให้มีสิ่งที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์และรักษาไว้ ตนมีโอกาสได้เจอ นายปีเตอร์ ฮาร์แนล ในช่วงที่อยู่ต่างประเทศ ชวนมาทำโครงการไทยเวิร์ค เพื่อต่อยอดโครงการโอทอป ช่วยคนไทยระดับรากหญ้าได้ ขณะที่คนระดับบนยังสามารถต่อยอดการตลาดทาง
หลังจากที่ได้คุยกับนายปีเตอร์ มีแนวทางที่จะพัฒนาโอทอป ต่ออย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า โอทอปเป็นฐาน สินค้า SMEsประกอบ บริษัทเล็กๆ ถ้าจะสร้างแบรนด์ต้องใช้ตังค์ เป็นจำนวนมาก จึงให้เกาะปีกแบรนด์ไทยแลนด์ไปก่อนแล้วกัน เลยจะสร้างแบรนด์ไทยแลนด์ขึ้นมา แต่จะเป็นยี่ห้ออะไรก็ว่ากันไป เมื่อแข็งแรงแล้วก็สร้างแบรนด์ของตัวเองได้ ช่วงคิดคือปลายปี 48 การเมืองเริ่มยุ่ง บ้านเมืองเราจะเสียเวลาเรื่องการเมืองไปโดยไร้สาระ ทำให้เรื่องสาระถูกละเลย พอมาเจอ ปีเตอร์ จึงอยากสานต่อความคิดให้เป็นสากล
และตรงถนนราชดำเนินที่เป็นที่ทรัพย์สินฯ กำลังจะหมดสัญญาลง ตนคิดว่าจะนำมาใช้เป็นร้านโอทอป สลับกับห้องที่เป็นแบรนด์จะได้ไม่น่าเบื่อ ได้เห็นพัฒนาการ ทันสมัยขึ้น ราคาดีขึ้น สมัยนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ เตรียมจะทำแบบนี้พอดี แต่มีปฏิวัติเสียก่อนก็เลยพักไป ตอนนี้กลับมาใหม่ เอาของเก่าที่ดีไซน์ไว้มารีเฟซใหม่ทั้งหมด และเรามาดูว่าเราจะ Move อย่างไรต่อ
“จำไว้นะว่าผมเป็นรัฐบาลหรือไม่เป็นรัฐบาล ไม่มีเลิก ที่ทำทั้งหมดออกตังค์เองเพราะต้องการให้เป็นโซเชียลเอ็นเตอร์ไพร้ส์ของคนไทย ไม่ใช่เป็นของการเมือง จะได้ทำให้การพัฒนาประเทศหรือการครีเอทีฟ ต่อเนื่องยาวนาน“
นายทักษิณ กล่าวว่า ถ้าเป็นชาวบ้านให้ฟรีไปเลย แต่หากเป็นของธุรกิจก็อาจจะบริจาคเงินบางส่วน ยังอยากให้หมู่บ้านเป็นหนึ่งโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อผลิตสินค้าที่ดีไซน์จากส่วนกลางและเป็นทักษะของท้องถิ่น ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ของคนท้องถิ่น
เมื่อถามว่า มีภูมิปัญญาพื้นบ้านแล้ว จะนำมาพัฒนาต่อแล้วกลับไปแบบดั้งเดิมได้อย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า เราเอาแนวคิดและดีไซน์มาปรับให้เป็นสากล แล้วออกแบบและตัวต้นแบบ เพื่อผลิตส่งออก ที่เราจะปรับจากฝีมือชาวบ้านธรรมดาให้สู่สากลให้ได้ ไม่ทิ้งดีไซน์ความเป็นไทย ความเป็นสุนทรีย์ของไทย
กรณีที่ไม่มีคนรุ่นใหม่ส่งเสริมเรื่องนี้เท่าไหร่ จะทำอย่างไรให้เข้ามาสนใจ นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องรีบทำให้สินค้าหรือดีไซน์ของไทยทำเงินได้ โดยเฉพาะเจนซีจะห่วงเรื่องการเงินของเขามาก ถ้าไม่มีช่องทางหารายได้เขาก็ทิ้ง ถ้าเขาทำเงินได้เมื่อไหร่เขาก็จะอยู่ต่อไป งาน Thai Works หรือ OTOP ขับเคลื่อนได้ คนรุ่นใหม่จะหันกลับมาเป็นช่องทางทำมาหากินอีกช่องทางหนึ่ง
นายแพทย์สุรพงษ์ ได้ถามต่อว่า มีอะไรที่จะเสนอต่อกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เรื่องโครงการไทยเวิร์คหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า อยู่ที่เรื่องการเอาจริงเอาจัง หากรัฐเอาจริงเอาจังข้าราชการก็ร่วมมือ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ค่อยให้ความร่วมมือมาก่อน โดยวันนี้กระทรวงมหาดไทยต้องให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะเป็นกระทรวงสำคัญที่จะนำนโยบายไปสู่ประชาชน เพราะผู้ว่าราชการจังหวัด กำนันผู้ใหญ่บ้าน อยู่ติดกับชาวบ้านมากที่สุด ซึ่งไทยเวิร์ค หรือซอฟพาวเวอร์เป็นมูฟเมนต์ ซึ่งหากมูฟเมนต์นี้ไม่มีคนช่วยมูฟ ก็จะทำงานลำบากซึ่งกระทรวงมหาดไทยต้องช่วยมูฟ
อะไรที่เจริญหูเจริญตาก็เริ่มดีทั้งนั้น ถ้าไปที่ไหนเห็นแต่กล่องสี่เหลี่ยมไม่ไหว ดูไบเขาดีไซน์หลากหลายเอาสถาปนิกจากทั่วโลกมาออกแบบตึกก็มีรูปทรงที่ต่างกันและสวยงาม ตนลงเครื่องบินมาถึงประเทศไทยเจอแต่กล่องสี่เหลี่ยม ซึ่งเราไม่กล้าลงทุนในเรื่องดีไซน์ จริงๆ แล้วเราเป็นประเทศที่มีความสวยงามอยู่แล้ว ขณะที่ตนชอบเรื่องศิลปะและเทคโนโลยี
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ AI เก่งมากเก่งจนตนกลัว และกลัวหนักว่าคนไทยจะไม่ยอมตามให้ทัน เพราะ Ai แพลนได้หมด นายกฯ บอกว่าเราน่าจะทำ Virtual Training Ai ให้กับประชาชน เรียนเสร็จแล้วค่อยให้โทเค่น เรียนก่อนเพื่อไปใช้ ซึ่งเรื่องนี้ นางสาวแพทองธาร มีแนวคิด พร้อมชี้มือไปที่ นางสาวแพทองธาร และบอกว่านายกฯ ก็นั่งตรงนี้
เมื่อถามว่า แพลนของ Thai Works หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง จะมีโอกาสพัฒนาสินค้า OTOP เมื่อใด นายทักษิณ กล่าวว่า วันที่ 10 ก.ค. นายปีเตอร์จะมานั่งสรุปทั้งหมด และจะเอาแนวคิดนี้มาแยกว่า อะไรจะลงหมู่บ้านหรือชุมชน จะฝากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ช่วยกัน เรื่อง SME อาจจะขยายตัวได้ดี วันนี้ SME ของเรามีปัญหา เพราะโดนจีนเอาของถูกมาขาย ถ้าเราปรับปรุง SME ก็จะนำเรื่องนี้เข้า ตนอาจจะเชิญ SME มาคุยกัน ว่าใครจะทำอะไร ก็จะช่วยกัน ซึ่งมูฟเม้นท์ ของ Thai Works จะลงไป 2 ระดับ แต่ระดับที่จะเข้าสู่ตลาดโลก เราจะใช้ทีมของปีเตอร์ ที่มีความกว้างขวางในวงการตลาดโลก รู้จักแบรนด์ต่างๆว่าเราจะเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไร นี่จะเป็นเรื่องต่อไปรอให้นายกรัฐมนตรีกลับได้กลับไปทำงานร่วมกัน