“ทักษิณ” ขึ้นโชว์วิสัยทัศน์งาน SPLASH-soft power forum 2025 ลั่นใหญ่นำสำเร็จ “โอทอปไทย” สร้างรายได้มหาศาล ก่อนหยุดชะงักเพราะการเมืองไร้สาระ พร้อมโยนบาปมหาดไทยยุคก่อนไม่ร่วมมือ

"ทักษิณ" ขึ้นโชว์วิสัยทัศน์งาน SPLASH-soft power forum 2025 ลั่นใหญ่นำสำเร็จ "โอทอปไทย" สร้างรายได้มหาศาล ก่อนหยุดชะงักเพราะการเมืองไร้สาระ พร้อมโยนบาปมหาดไทยยุคก่อนไม่ร่วมมือ

วันที่ 9 กรกฎาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โชว์วิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Crafting the Future: From OTOP to ThaiWORKS and Beyond“ ภายในงาน SPLASH – soft power forum 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-11 กรกฎาคม โดยมี นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อม นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี นส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี ร่วมรับฟังการโชว์วิสัยทัศน์ในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงรี เป็นผู้ดำเนินรายการ ได้มีการสอบถามให้ นายทักษิณ ได้อธิบายว่าอะไรคือคิดใหม่ทำใหม่

นายทักษิณ อธิบายว่า คิดจากวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต ไทยตามไม่ทันโลกเพราะอยู่กับที่เดิมๆ ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ “ตาดูดาวเท้าติดดิน” ต้องฝันและบินไปให้ไกล โดยที่ไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง เท้าต้องติดดินไว้คือสิ่งที่เป็นรากฐาน สิ่งที่เติบโตมายังคงอยู่ เรากำลังปรับตัวและกำลังไปสู่โลกกว้าง ต้องมั่นใจว่าแข็งแรงพอ

 

 

 

 

เมื่อถามว่ามนโยบายที่เคยทำในอดีต เมื่อปี 2544 เช่นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค หรือกองทุนหมู่บ้าน แต่มีหนึ่งนโยบายที่ยึดหลัก “ตาดูดาวเท้าติดดิน” คือ หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอทอป ที่มาที่ไปมาจากไหน นายทักษิณ ระบุว่า เจอคนญี่ปุ่นพูดคุยเรื่อง อีซองอีปิงของญี่ปุ่น แปลว่าหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ของประเทศเขา ตนเติบโตมาจากลานชินวัตรไหมไทย ที่สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ตนได้เห็นงานฝีมือมาโดยตลอด สามารถไปได้ในระดับหนึ่งแต่ไม่ไกล อยากให้ชาวบ้านมีส่วนเกี่ยวข้อง สร้างรายได้ แต่ชาวบ้านไม่สามารถลงทุนหาตลาด หรือออกแบบใหม่ รัฐบาลจึงต้องเข้าไปช่วย ได้บริษัทของญี่ปุ่นมาช่วย และได้ข้าราชการของกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ มาร่วมด้วย ทำให้โครงการโอทอปประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถขายได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท ส่งออกไปญี่ปุ่นขายผ่านรายการทีวีในญี่ปุ่นได้หลาย 100 ล้าน และเราจะปรับอะไรอีกต่อไปเนื่องจากการศึกษา และบริหารของเรามีปัญหา ไทยยังมีแนวคิดแบบต่างคนต่างทำ จึงคิดว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยน่าจะยังเป็นจุดแข็ง อยากให้มีสิ่งที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์และรักษาไว้ ตนมีโอกาสได้เจอ นายปีเตอร์ ฮาร์แนล ในช่วงที่อยู่ต่างประเทศ ชวนมาทำโครงการไทยเวิร์ค เพื่อต่อยอดโครงการโอทอป ช่วยคนไทยระดับรากหญ้าได้ ขณะที่คนระดับบนยังสามารถต่อยอดการตลาดทาง

หลังจากที่ได้คุยกับนายปีเตอร์ มีแนวทางที่จะพัฒนาโอทอป ต่ออย่างไรบ้าง นายทักษิณ กล่าวว่า โอทอปเป็นฐาน สินค้า SMEsประกอบ บริษัทเล็กๆ ถ้าจะสร้างแบรนด์ต้องใช้ตังค์ เป็นจำนวนมาก จึงให้เกาะปีกแบรนด์ไทยแลนด์ไปก่อนแล้วกัน เลยจะสร้างแบรนด์ไทยแลนด์ขึ้นมา แต่จะเป็นยี่ห้ออะไรก็ว่ากันไป เมื่อแข็งแรงแล้วก็สร้างแบรนด์ของตัวเองได้ ช่วงคิดคือปลายปี 48 การเมืองเริ่มยุ่ง บ้านเมืองเราจะเสียเวลาเรื่องการเมืองไปโดยไร้สาระ ทำให้เรื่องสาระถูกละเลย พอมาเจอ ปีเตอร์ จึงอยากสานต่อความคิดให้เป็นสากล

และตรงถนนราชดำเนินที่เป็นที่ทรัพย์สินฯ กำลังจะหมดสัญญาลง ตนคิดว่าจะนำมาใช้เป็นร้านโอทอป สลับกับห้องที่เป็นแบรนด์จะได้ไม่น่าเบื่อ ได้เห็นพัฒนาการ ทันสมัยขึ้น ราคาดีขึ้น สมัยนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ เตรียมจะทำแบบนี้พอดี แต่มีปฏิวัติเสียก่อนก็เลยพักไป ตอนนี้กลับมาใหม่ เอาของเก่าที่ดีไซน์ไว้มารีเฟซใหม่ทั้งหมด และเรามาดูว่าเราจะ Move อย่างไรต่อ

“จำไว้นะว่าผมเป็นรัฐบาลหรือไม่เป็นรัฐบาล ไม่มีเลิก ที่ทำทั้งหมดออกตังค์เองเพราะต้องการให้เป็นโซเชียลเอ็นเตอร์ไพร้ส์ของคนไทย ไม่ใช่เป็นของการเมือง จะได้ทำให้การพัฒนาประเทศหรือการครีเอทีฟ ต่อเนื่องยาวนาน“

นายทักษิณ กล่าวว่า ถ้าเป็นชาวบ้านให้ฟรีไปเลย แต่หากเป็นของธุรกิจก็อาจจะบริจาคเงินบางส่วน ยังอยากให้หมู่บ้านเป็นหนึ่งโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อผลิตสินค้าที่ดีไซน์จากส่วนกลางและเป็นทักษะของท้องถิ่น ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ของคนท้องถิ่น

 

 

 

 

 

เมื่อถามว่า มีภูมิปัญญาพื้นบ้านแล้ว จะนำมาพัฒนาต่อแล้วกลับไปแบบดั้งเดิมได้อย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า เราเอาแนวคิดและดีไซน์มาปรับให้เป็นสากล แล้วออกแบบและตัวต้นแบบ เพื่อผลิตส่งออก ที่เราจะปรับจากฝีมือชาวบ้านธรรมดาให้สู่สากลให้ได้ ไม่ทิ้งดีไซน์ความเป็นไทย ความเป็นสุนทรีย์ของไทย

กรณีที่ไม่มีคนรุ่นใหม่ส่งเสริมเรื่องนี้เท่าไหร่ จะทำอย่างไรให้เข้ามาสนใจ นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องรีบทำให้สินค้าหรือดีไซน์ของไทยทำเงินได้ โดยเฉพาะเจนซีจะห่วงเรื่องการเงินของเขามาก ถ้าไม่มีช่องทางหารายได้เขาก็ทิ้ง ถ้าเขาทำเงินได้เมื่อไหร่เขาก็จะอยู่ต่อไป งาน Thai Works หรือ OTOP ขับเคลื่อนได้ คนรุ่นใหม่จะหันกลับมาเป็นช่องทางทำมาหากินอีกช่องทางหนึ่ง

นายแพทย์สุรพงษ์ ได้ถามต่อว่า มีอะไรที่จะเสนอต่อกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เรื่องโครงการไทยเวิร์คหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า อยู่ที่เรื่องการเอาจริงเอาจัง หากรัฐเอาจริงเอาจังข้าราชการก็ร่วมมือ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งไม่ค่อยให้ความร่วมมือมาก่อน โดยวันนี้กระทรวงมหาดไทยต้องให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะเป็นกระทรวงสำคัญที่จะนำนโยบายไปสู่ประชาชน เพราะผู้ว่าราชการจังหวัด กำนันผู้ใหญ่บ้าน อยู่ติดกับชาวบ้านมากที่สุด ซึ่งไทยเวิร์ค หรือซอฟพาวเวอร์เป็นมูฟเมนต์ ซึ่งหากมูฟเมนต์นี้ไม่มีคนช่วยมูฟ ก็จะทำงานลำบากซึ่งกระทรวงมหาดไทยต้องช่วยมูฟ

อะไรที่เจริญหูเจริญตาก็เริ่มดีทั้งนั้น ถ้าไปที่ไหนเห็นแต่กล่องสี่เหลี่ยมไม่ไหว ดูไบเขาดีไซน์หลากหลายเอาสถาปนิกจากทั่วโลกมาออกแบบตึกก็มีรูปทรงที่ต่างกันและสวยงาม ตนลงเครื่องบินมาถึงประเทศไทยเจอแต่กล่องสี่เหลี่ยม ซึ่งเราไม่กล้าลงทุนในเรื่องดีไซน์ จริงๆ แล้วเราเป็นประเทศที่มีความสวยงามอยู่แล้ว ขณะที่ตนชอบเรื่องศิลปะและเทคโนโลยี

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันนี้ AI เก่งมากเก่งจนตนกลัว และกลัวหนักว่าคนไทยจะไม่ยอมตามให้ทัน เพราะ Ai แพลนได้หมด นายกฯ บอกว่าเราน่าจะทำ Virtual Training Ai ให้กับประชาชน เรียนเสร็จแล้วค่อยให้โทเค่น เรียนก่อนเพื่อไปใช้ ซึ่งเรื่องนี้ นางสาวแพทองธาร มีแนวคิด พร้อมชี้มือไปที่ นางสาวแพทองธาร และบอกว่านายกฯ ก็นั่งตรงนี้

เมื่อถามว่า แพลนของ Thai Works หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง จะมีโอกาสพัฒนาสินค้า OTOP เมื่อใด นายทักษิณ กล่าวว่า วันที่ 10 ก.ค. นายปีเตอร์จะมานั่งสรุปทั้งหมด และจะเอาแนวคิดนี้มาแยกว่า อะไรจะลงหมู่บ้านหรือชุมชน จะฝากให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ช่วยกัน เรื่อง SME อาจจะขยายตัวได้ดี วันนี้ SME ของเรามีปัญหา เพราะโดนจีนเอาของถูกมาขาย ถ้าเราปรับปรุง SME ก็จะนำเรื่องนี้เข้า ตนอาจจะเชิญ SME มาคุยกัน ว่าใครจะทำอะไร ก็จะช่วยกัน ซึ่งมูฟเม้นท์ ของ Thai Works จะลงไป 2 ระดับ แต่ระดับที่จะเข้าสู่ตลาดโลก เราจะใช้ทีมของปีเตอร์ ที่มีความกว้างขวางในวงการตลาดโลก รู้จักแบรนด์ต่างๆว่าเราจะเข้าไปมีส่วนร่วมอย่างไร นี่จะเป็นเรื่องต่อไปรอให้นายกรัฐมนตรีกลับได้กลับไปทำงานร่วมกัน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

 

”ตนเป็นคนใจร้อน เพราะตอนนี้ก็ 76 แล้วไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่ปี ต้องรีบๆ ทำ“

อยากจะเห็นวงการภาพยนตร์ไทยพัฒนาอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ตนเป็นคนประเภทที่ทำมาทุกอย่าง ผ่านมาเยอะทำหนังก็ทำมาแล้ว สมัยก่อนหนังไทยสร้างหยาบๆ ดีๆก็มี เรื่องไหนดีก็ได้ตุ๊กตาทอง แต่ไม่ได้ตังค์ก็สร้างดีไป แต่หนังหยาบๆกลับได้ตังค์ คนเดินสายหนังภาคเหนือ ล้มลุกคุกคลาน วงการหนังกู้แบงค์ไม่ได้ ต้องแลกเช็คเพราะแบงค์ไม่เชื่อถือ เป็นธุรกิจ 50-50 จะเจ๋งหรือจะรวยก็ไม่รู้

ส่วนวันนี้เรื่องภาษาไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะระบบ AI แปลภาษาได้ดีและละเอียดมาก เพราะฉะนั้นสามารถไปฉายได้หลายประเทศก็ต้องเปิดตลาดทางลัด โดยเฉพาะกระทรวงวัฒนธรรมไทยกับวัฒนธรรมต่างประเทศจะต้องเจรจาคุยกันว่าแลกเปลี่ยนหนังซึ่งกันและกัน แต่ภาพยนตร์ของเราเชื่อหรือไม่ เป็นสคริปต์ที่คนในระดับฮอลลีวูดเริ่มซื้อไปแปลไปดัดแปลง “เพราะคนไทยเขียนนิยายเก่งโดยเฉพาะการเมืองเนี่ยนิยายน้ำเน่าเยอะมาก”

นายทักษิณ กล่าวถึง มาตรการช่วยเหลือเรื่องกองถ่ายในประเทศไทย ว่า หากมีมาตรการช่วยกองถ่ายต่างประเทศ โดยการคืนอัตรภาษีนั้น การคืนเงินก็ควรเท่าเทียมกัน ถ้าเราให้ต่างประเทศได้ก็ต้องให้ไทยได้

จากนั้นนายทักษิณ ระบุต่อว่า เชื่อหรือไม่ว่าเราไม่ได้ control วิดีโอ Streaming เราไม่ได้ควบคุมเลยนะใครได้เสียภาษีเสีย ตอนนี้กำลังเร่งเรื่อง OTT จะได้เกิดสิทธิเท่าเทียม ต่างชาติมาทำมาหากินในไทยมีรายได้จากไทยก็ต้องเสียภาษีเหมือนคนไทย เพราะที่ผ่านมาไม่เสียนึกอยากเสียก็เสีย ไม่อยากเสียก็ไม่ต้องเสีย เพราะเราไม่รู้ว่าเขามีรายได้เท่าไหร่ แต่วันนี้ OTT กำลังจะเรียบร้อยแล้ว เราก็จะสามารถดูแลทุกแพลตฟอร์มที่เข้ามาในประเทศไทยได้อย่างชัดเจนอันไหนที่ไม่ถูกต้องจะห้ามโดยไม่ต้องเป็นซิงเกิ้ลเกทเวย์

“Netflix สนใจหนังผีมาก ก็เลยให้อินโดนีเซียทำหนังผี ของเราสตอรี่เยอะแยะไปหมด วันนี้ประเทศไทยสตอรี่เยอะมาก สตอรี่ไม่เยอะก็ใส่สตอเบอรี่เข้าไปด้วยบ้างก็ได้ วันนี้เราก็ต้องสร้างหนังสร้างอะไรบ้างก็ได้ สมองให้มันพัฒนาในทางทำเงินเถอะ อย่าไปพัฒนาในการทำลายซึ่งกันและกัน ประเทศมันอยู่ไม่ได้

นายแพทย์สุรพงษ์ ถามถึงเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพกำลังจะกลับมา หลังจากเกิดการรัฐประหาร ปี 49 นายทักษิณ ระบุว่า และอีกอย่างที่จะกลับมาคือ บางกอกแฟชั่นวีค คิดว่าวันนี้เมืองไทยควรมีได้ทุกอย่าง และกำลังซื้อคนไทยลงไปเยอะ จนเห็นสภาพแล้วเราต้องแก้อะไรอีกเยอะ

ขณะที่เรื่องดนตรีอย่าง Tomorrowland นายทักษิณ กล่าวว่า ในปี 2026 จะมีที่พัทยาครั้งแรก ซึ่งตนได้เคยไปงาน Tomorrowland กับนายกรัฐมนตรี ที่เมืองออสโล นอร์เวย์ ก็สนุกดี เป็นอีกโลกหนึ่ง

เมื่อถามว่า หากเรามีเฟสติวัลอื่นๆ ของเราไม่ต้องไปจ้างนักร้อง เพราะเรามีเทศกาลดนตรีที่จะตามมาอีกมากมาย ทั้ง Tomorrowland Rolling Loud Summer Sonic นายทักษิณ กล่าวว่า เราต้องมีตัวอย่างให้เด็กไทยเกิดความคิด ว่าเราจะเอาดีทางไหนได้ พร้อมยกตัวอย่างดีเจ ที่ไปทำ EDM ของ Tomorrowland บางคนมีเครื่องบินส่วนตัวเพราะมีรายได้ดี หากถามว่า คนไทยเป็นดีเจได้หรือไม่ ก็สบายมาก ถ้ามีใจรัก

เมื่อถามว่า ในห้องนี้มีผู้บริหารที่ทำเกี่ยวกับดนตรีอยากฝากอะไรให้ผลักดันซอฟพาวเวอร์ด้านนี้หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ตนเชื่อคำว่า เน็ตเวิร์ค บริษัทใหญ่ต้องมีบริษัทเล็กค้ำ นั่นคือการสร้างหลายๆกลุ่มเข้ามาสนับสนุน แล้วเรามีหน้าที่อยู่ข้างบน ถ้าบริษัทเหล่านี้สนับสนุนคนมากเท่าไหร่ ก็จะได้มากเท่านั้น เพราะจะสร้างอาชีพให้คนจำนวนมาก แล้วพลังจะเยอะขึ้น “ตนชอบคำว่า มูฟเมนต์มากที่สุด ทุกอย่างต้องมีมูฟเมนต์”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อถามว่า มองซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยจะมีอนาคตแค่ไหน จะขับเคลื่อนอย่างไร จะขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศได้จริงหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ประเด็นแรกที่เป็นปัญหาของประเทศไทยคือความไม่สามัคคี ความอิจฉาริษยา ถ้าเราอยู่ด้วยความสามัคคี ไม่อิจฉาริษยากัน และเกื้อกูลกัน ซอฟพาวเวอร์คือพลังมหาศาล มากกว่าฮาร์ดพาวเวอร์อีก นิสัยคนไทยมีความคิดสร้างสรรค์สูง และเรามีวัฒนธรรมที่ดี เมื่อสิ่งเหล่านี้รวมกันจะสามารถสร้างพลังของซอฟต์พาวเวอร์ได้ ในหลากหลายสาขา หลายช่องทาง และนั่นคือช่องทางทำมาหาเงินทั้งนั้น และถึงแม้ต่อไปนี้โลกจะมีเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไร ก็หนีคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ไม่ได้ ทุกอย่างไม่ทิ้งรากเหง้าเดิมๆแน่นอน ดังนั้นเรามีของดีอยู่แล้ว เรามีคนไทย ซึ่งมีสายเลือดแบบนี้อยู่แล้ว ต้องนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว เริ่มเติบโต คนนั้นคนนี้เริ่มอิจฉากัน ต้องทิ้งตรงนี้ไปบ้าง เข้าวัดหน่อย

 

 

ในช่วงท้ายนายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า วันที่ 26 ก.ค.นี้ก็จะอายุ 76 ปีแล้วย่าง 77 ปี ซึ่งเร็วจังเลย แต่ใจยังไม่อยากไปตรงนั้น ตนถึงบอกว่า I accept my age but not my aging

นายทักษิณ พร้อม น.ส.แพทองธาร สามี พี่สาว พี่เขย ชมการแสดงแฟชั่นโชว์และเยี่ยมชมบูธภายในงาน โดยได้แวะเยี่ยมชมบูธซอฟพาวเวอร์ ภายในงาน ทั้งบูธมวยไทย ที่ได้มอบนวมชกมวยไทยให้นายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร เป็นที่ระลึกด้วย ก่อนเยี่ยมชมบูธภาพยนต์ จากนั้นเยี่ยมชมบูธอุตสาหกรรมดนตรี ที่มีการนำเพลงไทยไปประยุกต์เพื่อสื่อสารกับชาวต่างชาติให้เป็นมากยิ่งขึ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ม.ฮาร์วาร์ดยืนหนึ่ง! มหาวิทยาลัยสร้างชาติที่ดีที่สุดในโลกปี 68-69 "จุฬาฯ-มหิดล" ผงาดอันดับ 1-2 ของไทย ตอกย้ำเทรนด์การศึกษาโลกมุ่งพัฒนาทุนมนุษย์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
"มทภ.2" นำสิ่งของพระราชทาน มอบทหารชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี สร้างขวัญกำลังใจปฏิบัติหน้าที่
สะพานข้ามแม่น้ำถล่มที่อินเดียดับ-เจ็บหลายสิบคน
"ดีเอสไอ-อัยการ" ร่วมแจ้งข้อหาคดี 7 ตร.จราจร ทำร้ายร่างกาย หนุ่มมาสด้าแดงผิดคัน อาการสาหัส ผู้ต้องหาทุกรายปฏิเสธ
จีนบอกอียูให้ไปปรับสมดุลความคิดแทนสมดุลการค้า
"โฆษกกองทัพบก" แจงเคลียร์แล้ว ปมทหารกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทย บริเวณด่านอานเสะ
ผบ.ทบ.ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน และบำรุงขวัญกำลังพล ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดน ในพื้นที่กองกำลังบูรพา จังหวัดสระแก้ว
"ทักษิณ" ขึ้นโชว์วิสัยทัศน์งาน SPLASH-soft power forum 2025 ลั่นใหญ่นำสำเร็จ "โอทอปไทย" สร้างรายได้มหาศาล ก่อนหยุดชะงักเพราะการเมืองไร้สาระ พร้อมโยนบาปมหาดไทยยุคก่อนไม่ร่วมมือ
กล้องพร้อม คนพร้อม ! MEA ร่วมกับ สมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ชวนคุณมาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ภาพถ่ายกับโครงการ "มหานครไร้สาย สู่ความทันสมัยแห่งอนาคต" ชิงเงินรางวัลรวม 120,000 บาท
ฉะเชิงเทรา ชาวบ้านยังคงศรัทธาหลวงพ่อโสธร แม้จะมีข่าวดังเกี่ยวกับพระ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น