วันที่ 8 ต.ค. 2564 ตามที่กระทรวงมหาดไทย ประกาศสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ด้วยงบประมาณ 372,546,800 บาท ในพื้นที่ 70 จังหวัด เริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 ข้อมูลจาก กรมที่ดิน ระบุว่า การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินที่มีการรังวัดปักหลักเขต ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 58, 58 ทวิ และ 69 เป็นการออกโฉนดที่ดินที่กรมที่ดินส่งเจ้าหน้าที่จากกองหนังสือสำคัญ กรมที่ดิน ไปทำการเดินสำรวจเป็นหมู่บ้านหรือตำบล โดยประชาชนไม่ต้องมายื่นคำขอเจ้าของที่ดินหรือตัวแทนจะต้องนำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดและปักหลักเขตเจ้าหน้าที่จะทำการสอบสวนสิทธิในที่ดิน พร้อมทั้งให้ลงชื่อในเอกสารการสอบสวน และลงชื่อรับรองเขตที่ดินข้างเคียงค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการออกโฉนดที่ดินตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินที่มีการรังวัดปักหลักเขต มีดังนี้ ค่าธรรมเนียมออกโฉนดที่ดิน เนื้อที่ไม่เกิน 20 ไร่ แปลงละ 50 บาท (เนื้อที่เกิน 20 ไร่ ส่วนที่เกิน ไร่ละ 2 บาท โดยเศษของไร่คิดเป็นหนึ่งไร่) ค่าหลักเขตเหมาจ่าย แปลงละ 60 บาท (ไม่ว่าจะใช้หลักเขตกี่หลักก็ตาม) ค่ามอบอำนาจ หากมี จะต้องเสียค่ามอบอำนาจเพิ่มเรื่องละ 20 บาท อากรปิดในหนังสือมอบอำนาจเรื่องละ 30 บาท
ในส่วนของจังหวัดตรัง ได้มีการเดินสำรวจอย่างต่อเนื่อง และเมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ได้เดินสำรวจรังวัดทำแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน ที่หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง และมอบโฉนดที่ดินให้กับประชาชน เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา
แต่เกิดปัญหาขึ้นมา ซึ่งมีหญิงสาวชาวบ้านหมู่ที่ 5 ตำบลห้วยยอด ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ชาวบ้านที่รับโฉนดแล้ว มีความสงสัยว่า นายสุนันท์ บัวทอง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 5 ตำบลห้วยยอด อำเภอห้วยยอด ได้เรียกเก็บเงินจากชาวบ้านที่รังวัดที่ดินครั้งแรก รายละ 100 บาท ขึ้นไป ประชาชนบางรายให้ไม่เท่ากัน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ทำให้ประชาชนอยู่อย่างลำบาก รายได้ไม่พอต่อค่าใช้จ่าย ส่วนหญิงสาวที่ร้องเรียนนั้น จ่ายให้ไป 200 บาท ซึ่งผู้ใหญ่บ้านได้เก็บเงินจากชาวบ้านซึ่งเป็นลูกบ้านทุกครัวเรือน ครั้งแรกอ้างว่าจะนำเงินไปให้เจ้าหน้าที่รังวัดที่ดิน ที่เดินทางมาจากจังหวัดกระบี่ ชาวบ้านจึงยอมให้ไป ส่วนครั้งที่สองนั้นได้เรียกเก็บอีกในวันที่ 17 กันยายน ก่อนที่จะมีการรับโฉนดที่ดิน ครั้งที่ 2 นี้เรียกเก็บเป็นแปลงๆ 300 บาท ชาวบ้านบางรายที่มีฐานะยากจน ก็ต้องยืมเงินเงินคนอื่นมา เพื่อที่จะนำมาให้ผู้ใหญ่บ้าน ก่อนที่จะรับโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นของตนเอง การจ่ายเงินแต่ละครั้งผู้ใหญ่บ้านก็ไม่มีใบเสร็จหรือหลักฐานแสดงการรับจากชาวบ้านให้กับชาวบ้านแต่อย่างใด การเก็บเงินครั้งแรกชาวบ้านก็มีความข้องใจอยู่แล้วและยิ่งมาเก็บเงินซ้ำครั้งที่ 2 ก็ยิ่งข้องใจมากขึ้นไปอีก แต่ชาวบ้านเองก็ไม่กล้าที่จะถาม เนื่องจากเกรงกลัวผู้ใหญ่บ้านจะเอาเรื่อง จึงขอร้องเรียนและขอความเป็นธรรมจากผู้สื่อข่าว ช่วยเป็นกระบอกเสียงแทนชาวบ้าน ว่าเงินดังกล่าวที่ได้ไปประมาณ 5 หมื่นกว่าบาทนั้น นำไปใช้ในวัตถุประสงค์ใด ในส่วนของหญิงสาวที่ร้องเรียนนั้น จ่ายทั้ง 2 ครั้ง เป็นเงิน 500 บาท
ถนอมศักดิ์ หนูนุ่ม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.ตรัง