“คืนภาษี” 2567 รู้ก่อน ยื่นภาษี ค่าลดหย่อนภาษีนั้นมีอะไรบ้าง

คืนภาษี 2567 รู้ก่อน ยื่นภาษี ค่าลดหย่อนภาษีนั้นมีอะไรบ้าง

"คืนภาษี" ได้เต็มจำนวน ต้องวางแผนเพื่อลดหย่อนภาษี อัปเดตปี 2567 มีอะไรบ้าง แล้วโครงการ Easy e-Receipt 2567 ซื้อแล้วคุ้มกว่า ช้อปดีมีคืน จริงไหม

TOP News รายงานประเด็น “คืนภาษี” ปี 2567 ซึ่งใครหลายคนได้ ยื่นภาษี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการเสียภาษีนั้นก็จะควบคู่มากับการยื่นลดหย่อนภาษี เพื่อขอเงินภาษีคืน รายละเอียดมีอะไรบ้าง ไปดูกันได้เลย

ข่าวที่น่าสนใจ

คืนภาษี ได้เต็มจำนวน ต้องวางแผนเพื่อลดหย่อนภาษี อัปเดตปี 2567 มีอะไรบ้าง แล้วโครงการ Easy e-Receipt 2567 ซื้อแล้วคุ้มกว่า ช้อปดีมีคืน จริงไหม

การ ยื่นภาษี เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่มีเงินเดือนประจำตั้งแต่ 120,000 บาท/ปี หรือมีรายได้ประเภทอื่นตั้งแต่ 60,000 บาท/ปี โดยไม่เกี่ยวข้องกับอายุแต่อย่างใด ส่วนจะต้องเสียภาษีเท่าไรนั้นจะขึ้นอยู่กับฐานของเงินได้สุทธิในแต่ละปี ซึ่งทุกคนสามารถวางแผนเพื่อ ลดหย่อนภาษี ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้สามารถประหยัดภาษีลงไปได้ หรืออาจจะไม่ต้องเสียภาษีเลย หากเงินได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนต่าง ๆ แล้วเหลือไม่เกิน 150,000 บาท/ปี

ด้วยเหตุนี้เอง การวางแผนเพื่อ ลดหย่อนภาษี จึงควรทำตั้งแต่เริ่มปีนั้น เช่น ยื่นภาษี ปี 2567 ต้องเริ่มวางแผน ลดหย่อนภาษี ตั้งแต่ต้นปี 2566 เพราะจะช่วยให้สามารถคำนวณสิทธิลดหย่อนแบบเต็มอัตราได้ และค่าลดหย่อนบางประเภทยังเป็นแผนการลงทุนเพื่อการเกษียณได้ด้วย อยากขอ “คืนภาษี” ก็มาอัปเดตเลยว่า ค่าลดหย่อนภาษี 2567 มีอะไรบ้าง ไปดูกันได้เลย

ค่าลดหย่อนส่วนตัว

  • หักค่าลดหย่อนได้ 60,000 บาท เป็นสิทธิพื้นฐานของผู้ที่มีรายได้ทุกคน ที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ทันที

ค่าลดหย่อนคู่สมรส

  • หักค่าลดหย่อนได้ 60,000 บาท ซึ่งคู่สมรสต้องไม่มีรายได้ และจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย หากคู่สมรสมีรายได้ ต้องพิจารณาว่า ต้องการยื่นรายได้รวมกันหรือแยกกัน

ค่าลดหย่อนบุตร

  1. บุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้มีเงินได้ ต้องอายุไม่เกิน 20 ปี หรืออายุ 21 – 25 ปี ที่กำลังศึกษากำลังศึกษาในระดับอนุปริญญา (ปวส.) ขึ้นไป
  2. บุตรที่เกิดก่อนปี 2561 หักค่าลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท
  3. บุตรที่เกิดหลังปี 2561 คนแรก หักค่าลดหย่อนได้ 30,000 บาท คนที่ 2 เป็นต้นไป หักค่าลดหย่อนภาษีได้คนละ 60,000 บาท
  4. ใช้ลดหย่อนได้ตามจำนวนบุตรจริง
  5. บุตรที่นำมาใช้สิทธิจะต้องมีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท/ปี
  6. บุตรบุญธรรม ต้องจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมถูกต้องตามกฎหมายหักค่าลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 3 คน
  7. หากมีบุตรชอบด้วยกฎหมายด้วย จะต้องใช้และนับสิทธิก่อน หากใช้ครบแล้ว 3 คน จะไม่สามารถใช้สิทธิบุตรบุญธรรมได้อีก
  8. บุตรบุญธรรมที่นำมาใช้สิทธิจะต้องมีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท/ปี

คืนภาษี ได้เต็มจำนวน ต้องวางแผนเพื่อลดหย่อนภาษี อัปเดตปี 2567 มีอะไรบ้าง แล้วโครงการ Easy e-Receipt 2567 ซื้อแล้วคุ้มกว่า ช้อปดีมีคืน จริงไหม

ขอ “คืนภาษี” จาก ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร

  • หักได้ตามจริงที่จ่ายให้สถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชน สูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท/การตั้งครรภ์ หากเป็นครรภ์ฝาแฝดจะนับเป็น 1 การตั้งครรภ์

ค่าลดหย่อนอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา

  1. หักค่าลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท สามารถหักลดหย่อนได้ทั้งของตนเองและของคู่สมรส รวมสูงสุด 4 คน
  2. บิดา มารดาที่นำมาใช้สิทธิ ต้องมีอายุมากกว่า 60 ปี และต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท
  3. ในกรณีครอบครัวนั้นมีบุตรหลายคน พี่น้องจะสามารถนำบิดา มารดา ไปใช้สิทธิหักค่าลดหย่อนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีซ้ำได้
  4. บุตรบุญธรรม ไม่สามารถนำบิดา มารดา ที่เป็นผู้รับบุตรบุญธรรมมาลดหย่อนได้

ค่าลดหย่อนอุปการะเลี้ยงดูคนพิการ หรือคนทุพพลภาพ

  1. หักค่าลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท
  2. ผู้พิการจะต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี ต้องมีบัตรประจำตัวผู้พิการ และต้องมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะของผู้มีรายได้
  3. ในกรณีที่ผู้พิการหรือทุพพลภาพเป็นบิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้มีเงินได้ จะสามารถใช้สิทธิได้ทั้ง 2 ส่วน และไม่จำกัดจำนวนคน เช่น กรณีอุปการะเลี้ยงดูบิดา หักค่าลดหย่อนได้ 30,000 บาท และบิดาเป็นผู้พิการ ก็จะได้ค่าลดหย่อนเพิ่มอีก 60,000 บาท รวมแล้วสามารถหักค่าลดหย่อนได้ 90,000 บาท หรือกรณีเป็นคู่สมรสจะหักได้ถึง 120,000 บาท เป็นต้น
  4. ในกรณีที่ผู้พิการหรือทุพพลภาพ ไม่ได้เป็นบิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้มีเงินได้ จะสามารถใช้สิทธิได้เพียง 1 คน

ลดหย่อนภาษีจากเงินสมทบกองทุนประกันสังคม

  • หักค่าลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท จำนวนสูงสุดจะคิดที่ฐานเงินเดือน 15,000 บาท เท่านั้น

ลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิต และเบี้ยประกันแบบสะสมทรัพย์ประกันชีวิต

  1. ลดหย่อนภาษีได้เท่ากับเบี้ยที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  2. กรมธรรม์ที่ทำต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
  3. ต้องทำกับบริษัทประกันชีวิตที่ประกอบกิจการในประเทศไทยเท่านั้น
  4. หากคู่สมรสไม่มีรายได้ สามารถนำเบี้ยประกันของคู่สมรสมาลดหย่อนได้เพิ่มเติม และสูงสูด 10,000 บาท

ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ และเบี้ยประกันอุบัติเหตุเฉพาะความคุ้มครองสุขภาพ

  • หักค่าลดหย่อนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 25,000 บาท ทั้งนี้ เมื่อนำเบี้ยประกันสุขภาพ ประกันชีวิตและประกันแบบสะสมทรัพย์มารวมกัน จะลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

  1. หักค่าลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
  2. กรมธรรม์ที่ทำต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
  3. ต้องทำกับบริษัทประกันชีวิตที่ประกอบกิจการในประเทศไทยเท่านั้น อย่างเช่น ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีแบบบำนาญจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา
  4. ต้องมีเงื่อนไขการจ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอ และต้องกำหนดช่วงอายุของการจ่ายเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 – 85 ปีขึ้นไป

ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา

  1. สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนภาษีเท่าที่จ่ายจริง และเมื่อรวมทั้งบิดาและมารดาต้องไม่เกิน 15,000 บาท โดยที่บิดามารดาต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี
  2. ในส่วนนี้จะไม่มีเงื่อนไขอายุของบิดามารดาที่ต้องครบ 60 ปีขึ้นไป
  3. เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน
  4. สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ ตามจำนวนที่จ่ายจริง และต้องไม่เกิน 500,000 บาท

เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

  • นำมาหักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ทั้งนี้ หากสนใจที่จะลงทุนใน กอช. จะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ
  1. ต้องมีสัญชาติไทย อายุ 15 – 60 ปี
  2. ไม่ได้เป็นผู้ประกันตนภายใต้ระบบประกันสังคม ยกเว้นผู้ประกันตนมาตรา 40 (1)
  3. ไม่ได้เป็นข้าราชการ และสมาชิก กบข., ไม่ได้เป็นสมาชิกในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) และไม่ได้เป็นพนักงานประจำ เข้าใจง่าย ๆ ว่า เป็นกองทุนสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งไม่ได้มีนายจ้างนั่นเอง

การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

  • เงินที่ลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง RMF (Retirement Mutual Fund) สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนได้ตามจริง โดยจะลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท

การลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)

  • เงินที่ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี SSF (Super Saving Funds) สามารถนำมาหักค่าลดหย่อนได้ตามจริง โดยจะลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ ปัจจุบันจะให้สิทธิลดหย่อนได้ 5 ปี คือ ปี 2563 – 2567

เงินลงทุนธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)

  • หักค่าลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท โดยต้องลงทุนหรือลงหุ้นในธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมภายในข้อกำหนดของ พ.ร.บ. ส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม พ.ศ. 2562

ลดหย่อนด้วยเงินบริจาคทั่วไป

  1. เงินบริจาคลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  2. เงินบริจาคลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน คือ
  • สถานศึกษา ทั้งของรัฐและเอกชน สถานพยาบาลของรัฐ การบริจาคผ่าน e-Donation ผ่านสภากาชาด, กองทุนยุติธรรม, หน่วยงานด้านกีฬาที่สังกัดสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย, กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, กองทุนสนับสนุนการวิจัยตามกฎหมาย, กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา, กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุขม, กองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้ง, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อพัฒนาเด็กเล็ก, การจัดหาหนังสือหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งเสริมการอ่าน ให้กับสถานศึกษาของทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล โรงเรียนเอกชน หรือสถาบันอุดมศึกษา, โครงการฝึกอบรมอาชีพ สถานพักฟื้น บำบัด และฟื้นฟูเด็ก และเงินบริจาคให้คนพิการเพื่อการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ

ลดหย่อนด้วยเงินบริจาคแก่พรรคการเมือง

  • นำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

คืนภาษี ได้เต็มจำนวน ต้องวางแผนเพื่อลดหย่อนภาษี อัปเดตปี 2567 มีอะไรบ้าง แล้วโครงการ Easy e-Receipt 2567 ซื้อแล้วคุ้มกว่า ช้อปดีมีคืน จริงไหม

ลดหย่อนจากโครงการ Easy e-Receipt 2567

  • เงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการ Easy e-Receipt 2567 จะต้องเป็นการซื้อสินค้าหรือบริการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น โดยนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง เป็นราคาที่รวม VAT แล้ว ใช้สิทธิในการลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท สำหรับผู้ที่สามารถเข้าร่วมโครงการลดหย่อนภาษีนี้ได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น แน่นอนว่าบุคคลธรรมดาที่เป็นมนุษย์เงินเดือนและคนทำอาชีพฟรีแลนซ์สามารถใช้สิทธินี้ได้

รายได้ในแต่ละฐานภาษี ลดหย่อนได้กันเท่าไหร่บ้าง

  • เงินได้สุทธิต่อปี น้อยกว่า 150,000 บาท ได้รับการยกเว้นภาษี (ไม่ได้สิทธิคืนภาษี)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 150,001 – 300,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 5% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 2,500 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 300,001 – 500,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 10% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 5,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 500,001 – 750,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 15% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 7,500 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 750,001 – 1,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 20% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 10,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 1,000,001 – 2,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 25% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 12,500 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 2,000,001 – 5,000,000 บาท อัตราภาษีเงินได้ 30% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 15,000 บาท)
  • เงินได้สุทธิต่อปี 5,000,001 บาทขึ้นไป อัตราภาษีเงินได้ 35% (มีสิทธิได้คืนภาษีสูงสุด 17,500 บาท)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มโนราห์เด็กหญิงตัวอ่อน ขดตัวลงถาด สร้างเสียงปรบมือกึกก้อง
งานประกาศรางวัล "สุพรรณหงส์ ครั้งที่ 33 ประจำปี 2567" ภายใต้แนวคิด "อินฟินิตี้" สร้างก้าวใหม่ที่แข็งแกร่งร่วมกัน
"พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล" เสด็จฯ ทอดพระเนตร งานเปิดตัวหนังสือ "ราชินิกุลบุนนาค"
กล้องวงจรปิดจับภาพ คนร้ายซื้อน้ำแข็ง เจ้าของร้านเผลอดึงเงินต้นกฐิน
ดร.แดน เสนอ My Thailand’s Dream ขับเคลื่อน 7 ยุทธศาสตร์ นำประเทศสู่ ‘อารยะ’
มอบถุงยับชีพพระราชทานราษฏรประสบอุทกภัยน้ำป่าไหลหลากแม่ฮ่องสอน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​