เหตุยิงสังหารเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอล 2 คน หน้าพิพิธภัณฑ์ชาวยิว ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เมืองหลวงสหรัฐอเมริกา เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสต่อต้านอิสราเอลทั่วโลก ขณะที่กองทัพอิสราเอลเดินหน้าทำสงครามในกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน แม้ว่าสงครามครั้งนี้มีจุดเริ่มจากฮามาสและกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ของปาเลสไตน์บุกเข้าไปสังหารหมู่ในอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคม 2566 ก่อนก็ตาม แต่นายเยชีล ไลเทอร์ เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหรัฐฯ โต้ว่า สงครามในกาซา ไม่ใช่สาเหตุของกระแสต่อต้านชาวยิวที่เพิ่มสูงขึ้น ฮามาสเป็นฝ่ายประกาศสงคราม อิสราเอลแค่ปกป้องตนเอง แต่เป็นเพราะประเทศต่าง ๆ อย่างฝรั่งเศส ที่เมื่อไม่นานมานี้ออกมาบอกว่าจะรับรองรัฐปาเลสไตน์ เป็นเหตุให้กระแสต่อต้านยิวเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังพูดไปถึงขั้นว่า การสังหารเจ้าหน้าที่ทูตครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของสงครามหลายแนวรบต่อรัฐยิว
เยชีล กล่าวว่า เหตุฆาตกรรมเป็นการกระทำในนามของวาระทางการเมือง เพื่อกำจัดรัฐอิสราเอล โดยอ้างเรื่องที่มือปืนตะโกนว่า “ฟรี ฟรี ปาเลสไตน์” และว่า อิสราเอลกำลังทำสงครามรอบตัว 7 แนวรบ นี่คือแนวรบที่ 8 เป็นสงครามเพื่อทำลายล้าง ทำลายความชอบธรรม และทำลายสิทธิในการดำรงอยู่ของรัฐอิสราเอล
ส่วนนายกิเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศ โทษว่า การที่ยุโรปออกมาวิจารณ์การทำสงครามในกาซาของอิสราเอล มีความเกี่ยวข้องโดยตรงระหว่างกระแสต่อต้านยิว กับเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ และการปลุกกระแสครั้งนี้ กระทำโดยผู้นำ เจ้าหน้าที่ของหลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจากยุโรป
ขณะที่นายคริสตอฟ เลอโมน โฆษกกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส ตอบโต้ว่า เป็นข้อกล่าวหาที่น่าผิดหวังและไม่สมเหตุสมผลอย่างสิ้นเชิง
อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา ที่วิจารณ์ปฏิบัติการทหารอิสราเอล และเยอรมนี ต่างออกมาประณามเหตุสังหารเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอล แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวหาผู้นำฝรั่งเศส อังกฤษ และแคนาดา ให้ท้ายพวกสุดโต่ง ด้วยการประณามการขยายปฏิบัติการทหารในกาซาเมื่อเร็ว ๆ นี้ เนทันยาฮู กล่าวว่า ประเทศยุโรปเหล่านี้ต้องการให้อิสราเอล วางมือ และยอมให้ฮามาสอยู่รอด ฟื้นฟูและก่อเหตุสังหารหมู่ 7 ตุลาคมซ้ำ พวกเขาคิดว่ากำลังผลักดันสันติภาพ แต่จริงๆแล้ว กำลังทำให้ฮามาสฮึกเหิมและสู้ต่อไปไม่รู้จบ