logo

“นายกฯ” เดินหน้าปรับแก้กม.เสพยาลดเหลือแค่ 1 เม็ด จ่อปรับคืนกัญชาเป็นยาเสพติด

"นายกฯ" เดินหน้าปรับแก้กม.เสพยาลดเหลือแค่ 1 เม็ด จ่อปรับคืนกัญชาเป็นยาเสพติด

“นายกฯ” เดินหน้าปรับแก้กม.เสพยาลดเหลือแค่ 1 เม็ด จ่อปรับคืนกัญชาเป็นยาเสพติด

วันที่ 9 พ.ค. 67 ทวิตเตอร์ “พรรคเพื่อไทย” โพสต์ข้อความระบุว่า การประชุมติดตามการแก้ไขปัญหายาเสพติด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ย้ำให้ทุกหน่วยงานช่วยกันทำงานให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก “ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ”

 

นายกฯ เดินหน้าปรับแก้กม.เสพยาลดเหลือแค่ 1 เม็ด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

-แม้เราจะปราบปรามทำงานอย่างหนัก แต่เหมือนว่าปริมาณยาเสพติดยังมีเข้ามาเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งคงมาจากการที่เรายังไม่สามารถจัดการรายใหญ่ รายย่อยได้ดีพอ

-ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อยึดทรัพย์ให้มากขึ้นทั้งรายใหญ่รายย่อย

-เรื่องปัญหาความไม่ชัดเจนของกฎหมายเรื่องปริมาณยาบ้า และความผิด ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมีหลักเกณฑ์ไม่ชัดเจนในการจับผู้เสพ ผู้ค้า จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขกฎกระทรวง

กำหนดปริมาณที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ โดยปรับลดให้เหลือ 1 เม็ด แทนที่จะเขียนว่าปริมาณเล็กน้อย

เพื่อเป็นหลักการให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำตามได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

-ขอให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติต้องสื่อสารกับผู้ปฏิบัติงานให้ชัดเจนว่า ไม่ว่าจะมียาเสพติดกี่เม็ดก็ผิด หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้เสพ จะถูกแจ้งข้อหาครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

-ฝากถึงพนักงานสอบสวนทํางานให้หนักขึ้น เพื่อดูเจตนาอีกครั้งว่าเป็นผู้เสพ หรือผู้ค้า

-เรื่องกัญชาขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวงอนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น

-แต่ละหน่วยงานต้องมีความคืบหน้าที่ชัดเจน รายงานกลับภายใน 90 วัน

 

 

ขณะเดียวกัน ทางด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมหารือการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีสาระสำคัญสรุป ดังนี้

1. นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายว่าวันนี้จึงขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันทำงานให้หนักยิ่งขึ้นไปอีกให้สมกับที่เราประกาศให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้ยาเสพติดหมดไป โดยจัดการผู้ค้าทั้งรายใหญ่รายย่อยให้ราบคาบ และบำบัดลูกหลานที่ติดยาให้สำเร็จไปด้วยกัน

2. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องการปราบปราม แม้เราจะปราบปรามทำงานอย่างหนัก แต่เหมือนว่าปริมาณยาเสพติดยังมีเข้ามาเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งคงมาจากการที่เรายังไม่สามารถจัดการรายใหญ่ รายย่อยได้ดีพอ ตนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น เพื่อยึดทรัพย์ให้มากขึ้นทั้งรายใหญ่รายย่อย

 

3. เรื่องปัญหาความไม่ชัดเจนของกฎหมายเรื่องปริมาณยาบ้า และความผิด ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมีหลักเกณฑ์ไม่ชัดเจนในการจับผู้เสพ ผู้ค้า จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดปริมาณที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ โดยปรับลดให้เหลือ 1 เม็ด แทนที่จะเขียนว่าปริมาณเล็กน้อย เพื่อเป็นหลักการให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำตามได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และขอให้สํานักงานตํารวจแห่งชาติต้องสื่อสารกับผู้ปฏิบัติงานให้ชัดเจนว่า ไม่ว่าจะมียาเสพติดกี่เม็ดก็ผิด หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นผู้เสพ จะถูกแจ้งข้อหาครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงขอฝากถึงพนักงานสอบสวนทํางานให้หนักขึ้น เพื่อดูเจตนาอีกครั้งว่าเป็นผู้เสพ หรือผู้ค้า

4. ส่วนเรื่องกัญชาขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวงอนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น สำหรับเรื่องการบําบัด ขอให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม ยกระดับประสิทธิภาพงานบําบัดยาเสพติด ทั้งในศูนย์บำบัด เรือนจํา และระบบคุมประพฤติ พร้อมฝากให้ร่วมกันจับผู้ที่หลบหนีการบําบัด หรือบําบัดไม่ผ่านมาดําเนินคดี

 

 

5. นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องการใช้ค่ายทหาร หรือฝ่ายปกครองตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ หากมีผู้ต้องเข้ารับการบำบัดจำนวนมากจะต้องร่วมมือกับทางกระทรวงสาธารณสุข ต้องมีความชัดเจนในแง่ของการใช้พื้นที่ในค่ายทหาร โดยให้ใช้ค่ายทหารหนึ่งแห่งเป็นต้นแบบในการทดลองบำบัด และให้มีคณะกรรมการบำบัดเข้าควบคุมดูแลในระยะเวลา 3 – 6 เดือน แล้วนำผลการนำร่องไปเผยแพร่ว่าสามารถดำเนินแนวทางในค่ายทหารจังหวัดอื่น ๆ ได้หรือไม่

6. นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานให้หนักขึ้น ร่วมกันตรวจ จับ ปราบปราม ยึดทรัพย์ให้มากขึ้นและบำบัดให้ทั่วถึง โดยการดำเนินการของแต่ละหน่วยงานจะต้องมีความคืบหน้าที่ชัดเจนรายงานกลับภายใน 90 วัน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เจ้าสัวสหพัฒน์" เปรียบศก.ไทยเหมือนรถ EV วิ่งยาวยังสู้ค่ายอื่นไม่ได้ ฝากรัฐดูกระตุ้นศก.ต้องตรงเป้า ติงนโยบาย "ดิจิทัล วอลเล็ต" ไม่เหมาะมุ่งแจกเงิน
"อนุทิน" รุดเยี่ยม EOD ชายแดนใต้ โดนบึ้มขาขาด 2 ข้าง เห็นใจสุดความเสียสละ ต่อสาย "ธรรมนัส" ฝากพิจารณาบรรจุ ภรรยาเป็นขรก.ประจำกรมชลประทาน
"นายกฯ" มอบหมายงาน 5 ที่ปรึกษา "ชัยเกษม" ดูแลด้านกม."พิชัย นริพทะพันธุ์" ให้แนะนำด้านศก. พลังงาน
ตร.ทท.พัทยา บูรณาการ 3 หน่วยงาน ออกปฏิบัติการสุ่มตรวจวัดทัวร์จีนในพื้นที่ ป้องปรามไม่ให้มีการกระทำความผิดและเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
"GLO x ยังมีเรา" จัด Roadshow รู้เท่าทันภัยพนันออนไลน์ รร.กาวิละวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
"พิพัฒน์" คุยทูตสวิสฯ แลกเปลี่ยนมุมมองแรงงาน ตั้งเป้า up skill แรงงานข้ามชาติ 1 ล้านคน ดูแลเท่าเทียม
"ผบ.ทร." ยันเดินหน้า "เรือดำน้ำ" เจรจาจีนแก้สัญญา ลุยสร้างจบใน 1,217 วัน
"อัยการ" อัปเดตเอาผิด "กองสลากพลัส" จ่อฟ้อง 2 คดีใหญ่ "นอท"
แท็กซี่พัทยา เผยนาที คนร้ายฆ่าเกย์โหด เรียกรถให้ไปส่งหัวหิน
"อ.เจษฏา" ตอบชัด กดรีโมทรถยนต์ผ่านหัว ล็อกรถได้ไกลขึ้นจริงหรือไม่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น