“สุรวิชช์” ชี้หนังสือ “เตีย เซ็ยฮา” ขอเจรจาหยุดยิง มีนัยแฝงเร้น เตือนไทยต้องระวัง นี่ไม่ใช่ “เขมร” ยกธงขาว

"สุรวิชช์" ชี้หนังสือ "เตีย เซ็ยฮา" ขอเจรจาหยุดยิง มีนัยแฝงเร้น เตือนไทยต้องระวัง นี่ไม่ใช่ "เขมร" ยกธงขาว

สืบเนื่องจากการที่ ทางกัมพูชาส่งหนังสือทางการ ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2568 โดย พลเอก เตีย เซ็ยฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กัมพูชา ถึง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เพื่อแสดงความประสงค์ในการเจรจาหยุดยิง แล้วกลับสู่โต๊ะเจรจาตามกรอบข้อตกลง กัมลาสัมเปอร์ อีกครั้ง

ล่าสุด นายสุรวิชช์ วีรวรรณ คอลัมนิสต์ประจำเครือผู้จัดการ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า #เมื่อกัมพูชาขอหยุดยิงอย่างมีชั้นเชิง อ่านหนังสือกัมพูชาฉบับนี้ให้ดี จะเห็นว่าแม้จะไม่ใช้คำว่า “ขอหยุดยิง” ตรง ๆ แต่สาระทั้งหมดคือการส่งสัญญาณขอหยุดยิงอย่างเป็นทางการในเชิงการทูต กัมพูชาเลือกใช้ภาษานุ่ม ผ่านอาเซียน ผ่านกลไก GBC และผ่านคำว่า “เห็นพ้อง” กับแถลงการณ์ประธานอาเซียน แต่ในเนื้อแท้คือการยอมรับว่าการสู้รบควรยุติลงทันที

ถ้อยคำอย่าง “immediate cessation of all hostilities” ไม่ใช่ภาษาคนกลาง ไม่ใช่ถ้อยคำลอย ๆ ทางการเมือง แต่มันคือภาษาทางทหารที่ใช้เมื่ออีกฝ่ายต้องการให้การปะทะหยุดลงจริง และหยุดโดยเร็ว การเสนอให้เรียกประชุม GBC แบบเร่งด่วน ก็ยิ่งตอกย้ำว่า นี่ไม่ใช่การพูดเพื่อรักษาหน้า แต่เป็นการขยับกลไกความมั่นคงโดยตรง

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การหยุดยิงแบบยกธงขาว กัมพูชาไม่ได้ขอหยุดยิงเปล่า ๆ แต่ผูกเงื่อนไขไว้แน่น ตั้งแต่การยึดกรอบ Kuala Lumpur Joint Declaration การฟื้นกลไกปักปันเขตแดน ไปจนถึงการเพิ่มบทบาทคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน นี่คือการขอหยุดยิงที่มาพร้อมการ “ล็อกสนาม” ไม่ให้ไทยขยับนอกกรอบที่กัมพูชาได้ประโยชน์

พูดกันตรง ๆ หากกัมพูชายังได้เปรียบในสนามรบ ก็ไม่มีเหตุผลต้องรีบหยุดยิง แต่การดึงมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ย้ำสถานที่เป็นกลาง และเชิญอาเซียนเข้ามาคุมเกม สะท้อนว่ากัมพูชาต้องการแช่แข็งสถานการณ์ เปลี่ยนจากเสียงปืนเป็นเสียงเอกสาร และถ่วงเวลาให้ความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ไม่เปลี่ยนไป

 

นี่คือศิลปะการทูตที่รู้ดีว่าการสู้ต่อมีต้นทุนสูงกว่าได้ การหยุดยิงภายใต้กรอบอาเซียน คือการเปลี่ยนความอ่อนแรงในสนามรบให้กลายเป็นแต้มต่อบนโต๊ะเจรจา และทำให้ฝ่ายตรงข้ามถูกกดดันทางการเมืองมากกว่าทางทหาร

ดังนั้น ใครจะอ่านหนังสือนี้ว่าเป็นแค่ “การประสานงานตามปกติ” คงมองตื้นไปหน่อย เพราะในความสุภาพของถ้อยคำ มีความจริงซ่อนอยู่ชัดเจนว่า กัมพูชากำลังขอหยุดยิง แต่เป็นการหยุดยิงในแบบที่เขาออกแบบสนามไว้ล่วงหน้าแล้ว และคำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า กัมพูชาขอหยุดยิงหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่า ไทยจะยอมเดินเข้าไปในกรอบนั้นมากแค่ไหน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เชียงราย เปิดงาน “หลงแสงเวียงเจียงฮาย” จุดประกายเมืองศิลปะ กระตุ้นท่องเที่ยวฟื้นฟูเศรษฐกิจ
เชียงราย เปิดกิจกรรม “Learning Space” เชื่อมโยงการเรียนรู้–การท่องเที่ยว ยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่น
แพร่ Kick off เตรียมความพร้อมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)
​สจป.3 แพร่ สนธิกำลังทลายรังมอดไม้สูงเม่น! ยึดชิงชัน-ประดู่ท่อนบิ๊กไซส์ ซุกบ้านเป้าหมาย-พบรถขนไม้ดัดแปลงซุกยาบ้า
พิธีปลงผมและมอบผ้าครอง (ผ้าไตรจีวร) ในโครงการ บรรพชา-อุปสมบท บวชชีพรหมโพธิ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอุทิศถวายแด่สมเด็จพระพันปีหลวง
"สุรวิชช์" ชี้หนังสือ "เตีย เซ็ยฮา" ขอเจรจาหยุดยิง มีนัยแฝงเร้น เตือนไทยต้องระวัง นี่ไม่ใช่ "เขมร" ยกธงขาว

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​