นักวิเคราะห์ชี้ กระแสเอไอบูม หนุนความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติพุ่งในอีก 5 ข้างหน้า เพื่อผลิตไฟจ่ายดาต้าเซ็นเตอร์
นักวิเคราะห์จาก ทิวดอร์ พิกเคอริง โฮลท์ แอนด์ โค (Tudor Pickering Holt & Co) บริษัทวาณิชธนกิจระดับโลกคาด ในอีก 5 ปีข้างหน้า การใช้เทคโนโลยีเอไอ จะหนุนให้มีความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าจ่ายให้กับคลังดาต้าเซ็นเตอร์ต่างๆ รายงานระบุว่า อาจต้องใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีกถึง 8 พัน 5 ร้อยล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าราคาเฉลี่ยของก๊าซธรรมชาติใน 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 4 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านบีทียู
โดยขณะนี้ ราคาก๊าซธรรมชาติแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีครึ่งในเดือนกุมภาพันธ์มาอยู่ที่ 1.61 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่หนาวน้อยกว่าปกติ ทำให้ผู้ผลิตหลายรายต้องลดการผลิตลง
ด้านบริษัทพลังงานและเทคโนโลยีในสหรัฐ ได้ออกมาแสดงความกังวลว่า ระบบผลิตไฟฟ้าของประเทศ ไม่ได้ขยายตัวเร็วพอที่จะตอบสนองความต้องการพลังงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี เช่น กระแสการนำ Generative AI มาใช้ ทำให้ดาต้าเซ็นเตอร์บางแห่ง ต้องเลี่ยงใช้ระบบไฟฟ้าของรัฐ และทำข้อตกลงกับผู้ผลิตไฟฟ้าโดยตรง หรือแม้กระทั่งต้องสร้างโรงไฟฟ้าของตัวเอง
ข้อมูลล่าสุดจาก ลอว์เรนซ์ เบิร์กลีย์ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติสหรัฐ ที่ดำเนินการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในนามของกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ปัจจุบันมีบริษัททั่วประเทศ ยื่นขออนุญาตทำโครงการผลิตไฟฟ้าและกักเก็บพลังงานเพิ่มขึ้นเป็น 2 พัน 6 ร้อยกิกะวัตต์ในปี 2566 จาก 2 พันกิกะวัตต์ในปี 2565
รายงานของทิวดอร์ยังประมาณความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าจากศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในปัจจุบันที่ 11 กิกะวัตต์ และคาดว่า จะเพิ่มขึ้นเป็น 42 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 พร้อมเสริมว่า ปริมาณความต้องใช้ก๊าซธรรมชาติ ก็จะพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 2 พัน 7 ร้อยล้าน ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ภายในปี 2573เช่นกัน