No data was found

“อานนท์” ปั่นสุดๆคืนชีพม็อบ 3 นิ้ว สร้างพลังหนุน “พิธา” นั่งนายกฯนำรื้อ แก้ 112 “หยก” โผล่ไฮปาร์คทวงคืนอำนาจ โซเชียลแซวยับตจว.รวมตัวมืดฟ้ามัวดิน

กดติดตาม TOP NEWS

"อานนท์" ปั่นสุดๆคืนชีพม็อบ 3 นิ้ว สร้างพลังหนุน "พิธา" นั่งนายกฯนำรื้อ แก้ 112 "หยก" โผล่ไฮปาร์คทวงคืนอำนาจ โซเชียลแซวยับตจว.รวมตัวมืดฟ้ามัวดิน

วันที่ 12 ก.ค. 66 จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงตามรัฐ ธรรมนูญมาตรา 98 (3) ประกอบมาตรา 101 (6) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น รวมทั้งมีคำขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพจดหมายน้อยที่เขียนด้วยลายมือ นัดรวมตัววันนี้ (12 ก.ค.) เวลา 18.00 น. ที่สกายวอล์ก หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพฯ

ความเคลื่อนไหวที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ก่อนเวลา 16.00 น. พบว่ามีประชาชนที่สนับสนุนนายพิธา และพรรคก้าวไกล และนางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า กับเพื่อนมวลชนอีกหลายคนได้เริ่มทยอยเดินทางมา และทำกิจกรรมสันทนาการรอเวลานัดหมาย ทั้งนี้พบว่าประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้บางส่วนสวมเสื้อสีส้ม สวมหมวก ที่คาดผม ที่สกรีนโลโก้ของพรรคก้าวไกลมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย พร้อมกับทำโพลสำรวจด้วยว่า “ส.ว. ควรเลือกนายกฯ ตามเสียงของประชาชน หรือเสียงของตนเอง”

จากนั้นเวลา 18.00 น. ได้ย้ายมาทำกิจกรรมบนสกายวอล์ค พร้อมได้แจ้งว่าได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอใช้สถานที่ตามกฎหมายแล้ว โดยแกนนำได้ผลัดเปลี่ยนขึ้นมาปราศรัย เช่น กลุ่มวีโว่ กลุ่มนักเรียนเลว กลุ่มประชาชนตื่นรู้

 

 

โดยนายอานนท์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรุ่งนี้ตัวแทนของเราได้ไปอภิปรายเรื่องมาตรา 112 ในสภาฯ แน่นอน เพราะสภาฯ ให้อภิปราย 6 ชั่วโมงก่อนโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเข้าทางพวกเราที่จะฝากส.ส. อภิปรายเหตุผลว่าทำไมต้องแก้ไขมาตรานี้ รวมถึงเพื่อจูงใจส.ว. ร่วมเปลี่ยนแปลง รวมโหวตให้กับนายพิธา

อย่างไรก็ตามวันนี้เราไม่จำเป็นต้องมาแบบนี้ เพราะในปี 2563 หรือการต่อสู้คนเสื้อแดงที่ผ่านมา การออกมาทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของคนเสื้อแดง ซึ่งการต่อสู้บนท้องถนนมันเจ็บปวดและสูญเสีย เราจึงเรียกที่จะใช้ช่องทางของระบอบรัฐสภา เพื่อให้เข้าไปเป็นปากเสียงแทน ทั้งนี้เราอดกั้นมา 4 ปี เพื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 จะไปลงคะแนนเสียงผ่านทางส.ส. ให้เขาเป็นตัวแทนเราเข้าไปพูดในพื้นที่ปลอดภัย

ที่ผ่านมาเมื่อพรรคก้าวไกลทำงานได้ดีในสภา ก็หาทางจำกัด เปลี่ยนเป็น 2 บัตร ดักไปดักมาชนะเป็นอันดับหนึ่ง เพราะวันนี้คนตื่นจากหลับ ไม่ใช่เฉพาะคนรุ่นใหม่ แต่คนต่างจังหวัดและจากทุกสาขาอาชีพ ที่ไว้ในให้พรรคการเมืองมาจับมือกันกับพรรคก้าวไกล

และในวันพรุ่งนี้ พลังของประชาชนจะมีพลังอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่เหมือนเลือกตั้งแล้วเลือกตั้งเลย ก่อนถึงวันพรุ่งนี้สมุนเผด็จการได้สำแดงเดช โดยกกต. ได้ส่งเรื่องให้วินิจฉัยสมาชิกภาพของนายพิธา จึงทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ และกกต. จะต้องติดคุกสถานเดียวเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ เพราะต้องการหยุดพิธา หาข้ออ้างให้ส.ว. แต่เขาไม่รู้ว่าประชาชนจะไม่ยอม และด่านสอง คือศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องนโยบายแก้ไขมาตรา 112 อาจจะขัดรัฐธรรมนูญ ล้มล้างการปกครอง

 

 

วันนี้เผด็จการ อำนาจนิยม ชนชั้นนำในบ้านเมือง กำลังปิดตายประตูนั้นจะไม่โหวตให้คนจาก 8 พรรคร่วมเป็นรัฐบาล ไม่ให้มีการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองโดยสันติ ตนอยากท้ามีหนึ่งเสียงที่จะไปตะโกนที่รัฐสภา คือเสียงของประชาชน ในวันเลือกตั้งเสียงขอเรา เขาอาจจะทำเป็นไม่ได้ยิน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะไปส่งเสียงสุดท้ายให้เขาได้ยินอีกครั้ง ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งลางาน เพราะอาจจะต้องลายาว ใครที่ไม่ได้ทำงานประจำไปรวมกันได้ในช่วงบ่าย แต่ถ้าพนักงานประจำ พนักงานบริษัท ข้าราชการ เลิกงานแล้วเจอกันที่สภา เราไม่ใด้ไปไล่ ไปกดดันหรือไปขอร้อง เราเพียงจะไปตบมือไปยก 3 นิ้วแต่ ถ้าพรุ่งนี้ถูกหักหลังถูกปิดประตู การต่อสู้ของเราในสัปดาห์หน้าเกิดขึ้นแน่นอน

ส.ว. ที่เป็นผบ.เหล่าทัพ ที่อ้างไม่เข้าร่วมเพราะมีงานสำคัญ ตนขอถามว่ามีความสำคัญอะไรกว่าการเลือกนายกฯ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มาเจอกันแน่

สุดท้ายตนอยากให้กำลังจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่วันนี้มีตัวแทนมาทั้งจากพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ตนขอฝากความหวังกับทุกคนเอาไว้ เกาะกันให้เหนียวแน่นแล้วประชาชนจะเป็นกำแพงเป็นผนังทองแดงให้กับทุกคน พรุ่งนี้เลิกงานถนนทุกสายจะมุ่งสู่รัฐสภา ถ้าโหวตแล้วหักหลังประชาชน สัปดาห์หน้าเจอกันทั้งแผ่นดิน ให้การต่อสู้ของเราเป็นครั้งสุดท้าย เปลี่ยนประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่ “หยก” นักเรียนหญิงวัย 15 อดีตผู้ต้องหา ม.112 ได้ขึ้นปราศรัย ถึงมาตรา 112 ว่า ตนเป็นผู้ที่ได้รบกวนรับผลกระทบจากมาตรา 112 ประชาชนมอบอำนาจให้รัฐปกป้องสิทธิ์ผลประโยชน์ของประชาชน แต่วันนี้รัฐแสดงให้เห็นแล้วว่ากำลังหยามเกียรติของประชาชน หยามเกียรติ 14 ล้านเสียง ของประชาชนที่รอคอยพรรคการเมืองอยากให้เป็นรัฐบาล สว.มาจากการรัฐประหาร มาจากการแต่งตั้งปี 2557 ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านี้ก็น่าจะรู้แล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นต้นตอของปัญหา ถ้าการแก้ 112 คือการล้มล้างการปกครอง ทำไมการเข้ามาของ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงได้เป็นนายกถึง 8 ปีและได้รับการยอมรับ

 

“เสียง 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล คนที่เลือกย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายแก้มาตรา 112 เพราะมาตรา 112 สมควรได้รับการแก้ไข มีคนถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จำนวนมาก และวันอังคารที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผอ. โรงเรียนที่ตนเรียนอยู่ไปพบกับ สว.พยายามไล่เราออก แต่ยืนยันว่าไม่ออก เพราะ ส.ว.เหล่านั้นมาจากการแต่งตั้ง ส.ว.ต่างหากสมควรจะออก” น้องหยกกล่าว

 

 

 

ทั้งนี้ที่ บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เวลาประมาณ 17.00 น. ได้มีกลุ่มเยาวชนต่อต้านเผด็จการ หรือ KoratMovement และประชาชนที่สนับสนุนการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาชุมนุม คัดค้านมติ กกต. ไม่ถึง 20 คน โดยผู้ที่มาชุมนุม มีการชูป้ายข้อความ แสดงความไม่พอใจ กกต.

ขณะที่บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 60 นาย กระจายกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยอยู่ทั่วบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี

 

 

 

 

 

ขณะที่ หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่  มีนักกิจกรรมทางการเมือง รวมทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในนามชมรมประชาธิปไตย มช. ประมาณ 50 คน ใช้รถติดเครื่องขยายเสียงเดินทางจากด้านในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมารวมตัวกันที่บริเวณหน้าป้ายหน้ามหาวิทยาลัย พร้อมวางพวงหรีดไว้อาลัย กกต. และถือป้ายแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่เห็นด้วยต่อกรณีที่ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ เรียกร้อง กกต. รวมทั้ง สส., สว. ต้องเคารพเสียงของประชาชน และโหวตให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามแนวทางประชาธิปไตยในวันพรุ่งนี้ (13 กรกฎาคม 2566)

การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้เชิญชวนให้ประชาชนที่ผ่านไปมา ร่วมเขียนข้อความแสดงออกถึงความรู้สึก ต่อการเมืองของประเทศไทย ที่จำเป็นจะต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า ก่อนจะมีการแยกย้ายกัน ในเวลาประมาณ 20.00 น.ที่ผ่านมา โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใด

 

 

 

ต่อมาในโลกออนไลน์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีดังกล่าว โดย “เจ๊จุก คลองสาม” โพสต์ภาพผ่านทวิตเตอร์ พร้อมระบุข้อความว่า ปังเว่อร์ !! กรุงเทพฯ อานนท์ประกาศให้แยกย้ายกลับบ้าน ขู่ว่า “หากพรุ่งนี้ผลการโหวตไม่เป็นไปอย่างคิด จะเกิดการต่อสู้ของประชาชนทั่วประเทศอย่างแน่นอน” #ม็อบ12กรกฎาคม66 #พิธานายกว่าว #นายกรัฐมนตรี

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อุทัยธานีคึกคัก ผู้ปกครองแห่ซื้อชุดนร.ให้ลูก-หลาน รับเปิดเทอม
กาซา ฮามาสฉุนไบเดนกล่าวโทษ เป็นต้นเหตุให้เจรจาหยุดยิงไม่สำเร็จ
รัสเซีย ปูตินตั้งผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจเป็น รมว.กลาโหมคนใหม่
"สันติสุข" สื่อจากใจถึงแฟนข่าว "ท็อปนิวส์" ย้ำชัดจุดยืน "กนก-ธีระ" ต่อบ้านเมืองไม่เคยเปลี่ยน
"พีระพันธุ์" พร้อมทีมงานรทสช. ลงพื้นที่เพชรบุรี รับ 3 เรื่องร้องเรียน ย้ำเดินหน้าช่วยพี่น้องปชช.แก้ไขให้ทุกปัญหา
"ดร.สามารถ" คาใจไฟไหม้โรงงานสารเคมีบ่อยครั้ง ฝากกำชับจนท.เข้มงวด ห่วงเป็นเหตุวางเพลิง
"พิพัฒน์" มอบ ประกันสังคม จ่ายเงินเยียวยาทายาท เหตุแก๊สระเบิด 1.8 ล้านบาท
“นายกฯ” เตรียมเปิดงาน SUBCON Thailand 2024 ตั้งเป้าจับคู่ธุรกิจกว่า 9,000 คู่ คาดสร้างมูลค่าเชื่อมโยง กว่า 2 หมื่นล้าน
สังเวียนศึกนายกอบจ. "ค่ายแดง" กลัดมันอยากแก้มือคว่ำ "ค่ายส้ม" บ้านใหญ่ "ค่ายน้ำเงิน" เจาะยาก ถิ่น "มังกรเติ้ง" เปิดศึกชนกันเอง
"สว.สมชาย" งัดเอกสารสนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ชี้พิรุธกองข้าวค้างโกดัง 10 ปี

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น