“สังศิต” ประกาศ 2 เงื่อนไขโหวตนายกฯ อยากฟังคำตอบจากปาก”พิธา”

"สังศิต"ประกาศ 2 เงื่อนไขโหวตนายกฯ อยากฟังคำตอบจากปาก"พิธา"

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า สังศิตประกาศหลักการสนับสนุนรัฐบาลใหม่

 

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา และอาจารย์ประจำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า การออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรี จะพิจารณาจากผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก โดยต้องการดูท่าทีและนโยบายของหัวหน้าพรรคก้าวไกลที่จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในสองประเด็น คือ 1.มีความเห็นต่ออธิปไตยไทยอย่างไร 2.มีความเห็นต่อความสงบสุขของคนในประเทศอย่างไร

 

 

 

“ผมยินดีสนับสนุนรัฐบาลที่ไม่ให้ประเทศมหาอำนาจเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย เพราะมีบางพรรคการเมืองที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนแนวทางนี้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ มีความพยามเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทย และก่อนการเลือกตั้งมีการเสนอให้สภาผู้แทนสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงการเมืองไทย รวมทั้งมีการล็อบบี้จากชาติสมาชิกนาโต้ในการจัดตั้งรัฐบาลของไทย”

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ยินดีสนับสนุนพรรคการเมืองที่มีนโยบายไม่ส่งเสริมการใช้ความรุนแรงระหว่างประชาชนต่อประชาชน และจะไม่สนับสนุนรัฐบาลที่กระตุ้นหรือปลุกเร้าให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่ยั่วยุหรือใช้ความรุนแรงระหว่างกัน เพราะปัจจุบันมีการสร้างแรงยั่วยุเร็วมาก

“ผมไม่สนใจว่าใครจะมีเสียงข้างมากหรือเสียงข้างน้อย แต่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีตามหลักการที่ตั้งไว้”

(สังศิต พิริยะรังสรรค์, ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา, สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ, วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566: 2)

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ กล่าวเพิ่มเติมว่าหลักการทั้งสองข้อเป็นหลักการของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่รักและหวงแหนอธิปไตยของชาติ และมีความปรารถนาอย่างลึกซึ้งที่จะเห็นสังคมและคนไทยอยู่ร่วมกันอย่างสงบเป็นปกติสุข

นายสังศิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ประวัติศาสตร์ระยะใกล้ในช่วงระยะสองปีที่ผ่านมา ได้ให้บทเรียนแก่เราอย่างลึกซึ้งว่า ประเทศที่มีผู้นำและพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น แต่กลับอนุญาตให้ชาติมหาอำนาจเข้าแทรกแซงนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของประเทศได้ จนทำให้ในขณะนี้ประเทศดังกล่าวตกอยู่ในภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด บ้านเมืองถูกทำลายย่อยยับ ประชาชน จำนวนมากกลายเป็นผู้ลี้ภัยและประชาชนที่เหลืออยู่ในประเทศไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้อีกต่อไป

ผมใคร่ขอยกคำของหลวงพ่อชา ที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า หากมีแมลงวันฝูงหนึ่งกับผึ้งหนึ่งตัวบินมาเจอกองอุจจาระ ฝูงแมลงวันจะบอกว่าหอม ส่วนผึ้งจะบอกว่าเหม็น ดังนั้น การจะวินิจฉัยเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้นจะถือเอาแต่เสียงข้างมากเพียงอย่างเดียวเสมอไปคงไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องยึดถือหลักธรรมะ ซึ่งก็คือหลักการทั้งสองประการข้างต้นนั่นเอง

 

 

 

 

 

สังศิต พิริยะรังสรรค์

ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

น้ำท่วมฉับพลันและโคลนถล่มอินเดียดับ-สูญหายครึ่งร้อย
เนเธอร์แลนด์ประกาศแผนซื้ออาวุธให้ยูเครน
ยูเครนโจมตีเครื่องบินรบรัสเซีย 5 ลำที่ไครเมีย
"วัชระ" ให้ถ้อยคำ คกก.สืบสวน 2 หมอ ตร. ช่วย "ทักษิณ" นอนชั้น 14 ปมอาการป่วยไม่วิกฤต
1 ทศวรรษ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรและแปลงนาสาธิต โรงไฟฟ้าหนองแซง จ.สระบุรี GULF จัดกิจกรรมเรียนรู้วิถีชาวนาไทย พร้อมโชว์นวัตกรรมการทำเกษตรอินทรีย์ครบวงจร
"ม.หอการค้า" ประเมินปี 69 มาตรการภาษีสหรัฐ กระทบมูลค่าส่งออกไทย 2.7 แสนล้าน ฉุด GDP หดตัว 0.62%

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​