ชัดเจนว่าจากการชุมหลายครั้งที่ผ่านมาของม็อบที่อ้างตัวว่าเป็นคนรุ่นใหม่เป็นหัวก้าวหน้าของสยามประเทศ แต่พฤติการณ์ที่เห็นที่แสดงออก หลายครั้งตลอดช่วงเวลาของการนัดชุมนุมที่ผ่านมา ตั้งแต่ 18 ก.ค.บริเวณถนนพิษณุโลกใกล้ทำเนียบรัฐบาลก็เกิดเหตุเผาหุนนายกฯกลางถนนปะทะกับตำรวจ , 1 ส.ค.2564 คาร์ม็อบของบก.ลายจุด สมบัติ บุญงามองค์ ก็จบที่การก่อเหตุปะทะกับตำรวจที่อุโมงค์ดินแดง , 7 ส.ค.2564 เยาวชนปลดแอกนัด 10 เครือข่ายบุกพระบรมมหาราชวัง ก่อนชุมนุมตำรวจตรวจยึดสิ่งเทียมอาวุธ ประทัดยักษ์ หัวน๊อต ลูกแก้ว จากรถตู้รักษาพยาบาลของการ์ด บทสรุปหลังถูกตำรวจขอคืนพื้นที่ก็มาป่วนป้ายสีฉีดสเปรย์ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ปิดท้ายด้วยการเผารถควบคุมผู้ต้องหาของตำรวจเสียหายยับเยิน 1 คัน ตำรวจถูกปืนไทยประดิษฐ์ยิงเข้าที่คอ 1 นาย , 10 ส.ค.2564 แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นัดเจอกันแยกราชประสงค์จัดม็อบกระจายหลายจุด อาทิ บ้านร.อ.ธรรมนัส , ตึกชิโนทัย ,คิงพาวเวอร์ เป็นต้น ก่อนการชุมนุมตำรวจตรวจพบลูกแก้ว 9 พันลูก หนังสติ๊ก 80 อัน บริเวณสวนหย่อมใกล้พื้นที่การชุมนุม ก่อนที่ช่วงบ่ายจะดาวกระจายก่อเหตุตามจุดหมายต่างๆ ทั้งปาสิ่งของ พ่นสีด่าคำหยาบคาย เทเลือดหมู หน้าป้ายตึกที่ทำการ วางหุ่นศพคนติดโควิด ฯลฯ ช่วงเย็นรวมตัวกันบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงทุบทำลายป้อมตำรวจจนพังพินาศก่อนจุดไฟเผา มีตำรวจถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บ , 11 ส.ค.2564 กลุ่มทะลุฟ้านัดรวมตัวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถูกตำรวจเข้าสลายชุมนุมหลังเวลานัดหมายไม่นาน แตกตัวกันบุกเข้าหาตำรวจเกิดการปะทะกันที่สามเหลี่ยมดินแดง มีการทุบทำลายและเผารถลากจูงของตำรวจ กลุ่มผู้ชุมนุมถูกประทัดยักษ์ที่จุดเตรียมขว้างใส่ตำรวจระเบิดมือขาด ช่วงค่ำยังป่วนไม่หยุดหลังตระเวนทุบทำลายป้อมตำรวจบริเวณใกล้เคียงพื้นที่การชุมนุมเสียหายหลายจุด อาทิ ป้อมจราจรสี่แยกพญาไท ป้อมจราจรแยกราชเทวี ป้อมจราจรแยกปทุมวัน เป็นต้น รวมผู้ต้องหา 17 คน ตำรวจบาดเจ็บ 11 นาย มีทั้งโดนทำร้ายระหว่างเดินทางกลับบ้านแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และบาดเจ็บจากการขอคืนพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการถูกของแข็งตี สะเก็ดจากพลุ ปะทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง การถูกสิ่งของปาใส่ ลูกแก้ว ก้อนหิน ขวด อาการหูอื้อ สลบ ฯลฯ
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่ากลุ่มคนที่ออกมาชุมนุมเหล่านี้ไม่ได้ยึดหลักประชาธิปไตยในการเรียกร้องความต้องการของตัวเอง และใช้วิธีการชุมนุมที่ห่างไกลหลักสากลที่พูดกันคือ สงบ สันติ ปราศจากอาวุธไปไกลมาก กรณีที่ตำรวจตรวจยึดสิ่งเทียมอาวุธปืน ประทัดยักษ์ พลุ หัวน๊อต ลูกแก้ว หนังสติ๊ก มีการใช้อาวุธปืนระหว่างการชุมนุม แค่นี้ก็ชัดเจนว่าม็อบต้องการอะไร ข้อเรียกร้องที่แกนนำพูดและกล่าวอ้างในโลกออนไลน์ก็ชัดเจนว่าธงหลักคือล้มเจ้าทำลายระบอบกษัตริย์เสาหลักของชาติไทย แต่พูดให้สวยหรูดูดีว่าปฏิรูปสถาบัน แท้จริงกับใช้สารพัดวิธีชั่วช้าสามานย์ด้อยค่าสถาบันสร้างเฟคนิวส์ทุกรูปแบบล้มล้างโจมตีเจ้า ในแบบที่คนไทยรับไม่ได้สังคมไทยตั้งตัวไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าคนไทยบางพวกจะใจบาปหยาบช้าก่อการเลวเนรคุณเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินได้มากถึงเพียงนี้
กรณีการออกมาก่อเหตุของม็อบกลุ่มนี้ เบื้องต้นก็ประกาศชุมนุมเรียกคนทางเพจ พอบ่ายถูกตำรวจสลายก็อ้างถูกปราบปรามประกาศยกเลิกชุมนุม ที่แท้ก็ส่งสัญญาณให้พวกฮาร์ดคอออกมาก่อเหตุ ส่วนกลุ่มตัวเองก็จะอ้างได้ว่าไม่ต้องรับผิดชอบเพราะประกาศเลิกชุมนุมไปแล้ว อุบายตื่นๆแบบนี้ใครก็ดูออก แต่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็อดไม่ได้ที่จะออกมาชี้แนะ อย่าง “ท่านใหม่” ม.จ. จุลเจิม ยุคล ราชนิกูลชั้นสูงก็มาดักคอม็อบล้มเจ้าให้รู้ว่าคนไทยไม่โง่ “ประกาศยุติชุมนุมทีไร เหมือนส่งสัญญานให้สู้แบบ ฟรีสไตล์ นะครับ” เรื่องพวกนี้คนไทยรักบ้านรักเมืองดูออกแต่ทำไมคนบางกลุ่มบางพวกนักวิชาเกินบางคนถึงยังให้ท้ายม็อบสามนิ้วล้มเจ้าเผาบ้านป่วนเมืองแบบไม่ลืมหูลืมตา
ที่หนุนม็อบเด็กเลวคนชั่วพวกนี้แบบออกนอกหน้าก็คือพรรคเพื่อไทย ก่อนหน้านี้อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐหยุดใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ปฏิเสธว่าม็อบเด็กดีไม่ได้เผารถตำรวจแต่เจ้าหน้าที่ทำเองทั้งๆที่คลิปแชร์กันว่อนเห็นกันทนโท่ว่าม็อบจุดเผาเองกับมือ ล่าสุดเมื่อวานก็ออกแถลงการณ์พรรคขอให้รัฐยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ต้องถามกลับว่าพรรคนี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมาม็อบชังชาติทำระยำตำบอนขนาดนี้ยังมีหน้ามาปกป้อง แน่จริงก็ออกมาพูดให้ชัดไม่ต้องแอบหลักม็อบหลบหลังเด็ก ทำตัวลักปิดลักเปิดอยู่แบบนี้
อีกพวกที่ออกมาปกป้องม็อบคนเลวแบบปิดหูปิดตา และสมควรถูกคนไทยด่าก็คือ 6 องค์กรสื่อ ประกอบด้วย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ, สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย , สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย , สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ , สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ร่อนแถลงการณ์จี้เจ้าหน้าที่รัฐยุติการใช้ความรุนแรง เขียนข้อเสนอสวยหรูดูเข้าทีแต่ส่วนใหญ่ก็ติติงเจาะจงมาที่รัฐอัดสลายการชุมนุมไม่สอดคล้องกับหลักสากล ไปอยู่ที่ไหนมาแหกตาเห็นไหมว่าม็อบคนดีเหล่านี้ทำอะไรต่ำช้ากับชาติบ้านเมืองบ้าง สุดท้ายก็ดีแต่พูดหากินแสวงประโยชน์ไปวันๆ บ้านเมืองจะฉิบหายย่อยยับอย่างไรก็ไม่เคยนำเสนอข้อเท็จจริง หนำซ้ำตอนนี้สื่อกระแสหลักหลายช่องหลายแพลตฟอร์มก็เป็นต้นทางปล่อยข่าวผิดบิดข่าวลวงโลกเสียเอง เคยตรวจสอบเคยลงโทษเคยเอาผิดคนกันเองไหม หรือแค่ดีแต่พูดเก่งแต่ออกแถลงการณ์ให้ตัวเองดูดีไปวันๆ แต่บ้านเมืองจะล่มสลายอย่างไรสถาบันจะถูกทำร้ายแค่ไหนไม่เคยหยิบยกเอาความจริงออกมาพูด กี่ครั้งที่บ้านเมืองป่นปี้ชาติฉิบหายวิบัติก็เพราะสื่อไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง
พวกสุดท้ายก็คือนักวิชาการที่ออกมายกหางให้ท้ายม็อบสามนิ้วล้มเจ้าชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู มีทั้งพวกที่เป็นต้นทางหัวคิดล้มเจ้าไม่ต้องเอ่ยชื่อให้เป็นเสนียดปากจัญไรแผ่นดินคนไทยก็รู้ว่ามันเป็นใคร อีกพวกก็อยู่ในสถาบันการศึกษาคอยสอนหนังสือแต่ผสมปั่นหัวเด็กล้างสมองคนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ อีกพวกก็คอยหาเวลาแสดงความคิดเห็นส่องไฟให้ค่าตัวเอง ปะหนึ่งหิวแสงในยามค่ำคืน ล่าสุดก็เป็นกรณีของ สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์และหัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ออกมาแสดงความเห็นผ่านเฟซบุ้คปกป้องการเผารถตำรวจของม็อบสามนิ้วล้มเจ้าว่าไม่ผิดและถือว่าเป็นสันติวิธีเพราะยังไม่มีคนตาย ” ต่อให้ประชาชนเป็นคนเผารถของตำรวจจริง และหากไม่มีคนตายจากเหตุนี้อย่างตั้งใจ ผมเห็นว่าก็ยังอยู่ในกรอบของสันติวิธี สันติวิธีไม่ใช่การนั่งสวดภาวนาเพื่อให้อีกฝ่ายดวงตาเห็นธรรม ….ยิ่งในสถานการณ์ที่เห็นได้ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่รัฐมุ่งใช้กำลังและอาวุธในการสลายการชุมนุม การทำลายเครื่องมือของรัฐก็คือการตอบโต้ชนิดหนึ่ง….แต่กรณีนี้ไม่ใช่การจัดฉากจากผู้มีอำนาจหรือเปล่า ควรต้องค้นหาความจริงให้ได้อย่างชัดเจน” ตรรรกะของครูบาอาจารย์ผิดเพี้ยนไปขนาดนี้ มีหรือที่ลูกศิษย์เด็กน้อยที่อ่อนต่อโลกจะไม่ถูกจูงจมูกไปในทางที่ผิด กรณีการออกมาให้ท้ายม็อบของอ.สมชายแบบนี้อย่าคิดว่าจะเอาใจเด็กอย่างเดียวแล้วมันเท่ห์ เพราะเรื่องนี้มันผิดกฎหมายแบบเต็มๆ อดีตช่วงเสื้อแดงป่วนประเทศก็เคยมีแกนนำยั่วยุปลุกปั่นให้มวลชนเผาศาลากลางหลายแห่งแล้วก็เกิดการเผาศาลากลางจริงๆที่ จ.อุดรธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น มุกดาหาร สุดท้ายปลายทางศาลสั่งลงโทษจำคุกและปรับเงินทั้งคนเผาและคนยุไปคนละหลายปีปรับเป็นเงินอีกคนละหลายล้าน อ.สมชายอย่าคิดว่าพูดเอามันส์แล้วมันโก้เกิดม็อบสามนิ้วล้มเจ้ามันเผาบ้านเผาเมือง แล้วมันอ้างกับศาลว่าเพราะอ.สมชายบอกว่าเผาแบบนี้ถ้าไม่มีคนตายมันเรียกว่าสันติวิธี ท่านอาจติดคุกหัวโตจ่ายค่าเสียหายจนหมดตัวได้ง่ายๆ
สุดท้ายนี้ความหวังของคนไทยในการรักษาความสงบของบ้านเมืองปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ก็อยู่ที่ฝีมือของตำรวจภายใต้การกุมบังเหียนของ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เจ้าของตำแหน่งพิทักษ์ 1 การบังคับใช้กฎหมายในมือท่านต้องเด็ดขาดอย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลขณะที่ในเขตพระนครก็เป็นหน้าที่ของ น.1 “บิ๊กอู๊ต” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ว่าท่านจะฝากฝีมือทิ้งท้ายภารกิจสำคัญในการดูแลรักษาเมืองกรุงไว้ได้อย่างไร ในช่วงเดือนเศษที่เหลือก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ จะนั่งในเก้าอี้แบบลอยตัวรอเวลาพ้นจากตำแหน่งแบบปลอดภัยไว้ก่อนหรือจะลุกขึ้นมาทำหน้าที่เด็ดขาดรักษากฎหมายบ้านเมืองอย่างเข้มแข็งทิ้งทวนเครื่องแบบสีกากีชนิดทำให้คนไทยจดจำ สุดท้ายก็อยู่ที่ท่านจะเป็นคนเลือกเอง
////////////////
