สอบเข้ม”ต้าเต้า” ขยายผลจับแก๊งอุ้มนักธุรกิจชาวจีน ตัดนิ้วเรียกค่าไถ่

ตำรวจ เร่งขยายผลจับกุมแก๊งมังกรจีน อีก 4 คน หลังได้ตัวหัวหน้าอุ้มรีดค่าไถ่ 30 ล้านบาทนักธุรกิจชาวจีนพาไปตัดนิ้ว พบได้วีซานักเรียนสวนทางข้อเท็จจริง

หลังจากเมื่อบ่ายวานนี้(1พ.ย.) ต้าเต้า เป็นหัวหน้าแก๊งมังกรจีน ที่เพิ่งถูกตำรวจสืบสวนภาค 2 จับกุมได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังก่อเหตุหลอกนักธุรกิจชาวจีน จากคอนโดมิเนียมหรูในเมืองพัทยา ไปกักขังหน่วงเหนี่ยว และถ่ายคลิป ตัดนิ้วส่งไปให้แฟนสาวเพื่อให้นำเงิน 30 ล้านบาท มาไถ่ตัว เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้าน พ.ต.ท.พิทักษ์ เนินแสง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา ทำการสอบสวน นาย ZHANG Delong หรือ”ต้าเต้า” หัวหน้าแก๊งเรียกค่าไถ่อายุ 30 ปี โดยเบื้องต้นให้การปฏิเสธเกี่ยวกับการทำร้าย นาย REN HAIBO และไม่มีส่วนรู้เห็น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไม่ปักใจเชื่อ และมั่นในใจหลักฐานที่มี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน รวมถึงภาพวงจรปิดที่กลุ่มชาวจีนกลุ่มนี้ไปเที่ยวด้วยกันในเขตเมืองพัทยา

จากนั้น ได้ควบคุมตัวตาเต้า ในข้อหาโอเวอสเตร์ (อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด) จำนวนมากกว่า 400 วัน เพื่อควบคุมตัวสอบสวนและขยายผล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมขออนุมัติหมายจับชาวจีนทั้ง 2 คน คือ นาย ตาเต้า และ นาย อาเหริน เพื่อนของเหยื่อชาวจีนเพิ่มเติมอีกด้วย

นอกจากนี้ตำรวจยังได้สืบสวนเชิงลึกพบว่า ต้าเต้า เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 3 ปีที่แล้ว โดยขอวีซาเข้ามาประกอบธุรกิจในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี หลังจากนั้นก็ใช้สิทธิยกเว้นการเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ต้าเต้า ก็ไม่เคยเข้ามายื่นขอวีซาอีกเลย จนกลายเป็นคนต่างชาติ ที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

ขณะที่ผู้เสียหายเอง ก็ได้รับวีซานักเรียน พร้อมน้องชายชาติเดียวกัน เมื่อปีที่แล้ว แม้จะยังไม่หมดอายุ แต่ก็กลายเป็นข้อกังขา เนื่องจากอายุของผู้ได้รับวีซา สวนทางกับอายุจริง ที่ไม่น่าจะเข้าสู่ระบบการศึกษาได้อีก เรื่องนี้ ทำให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต้องเรียกตัวตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุดรธานีและแพร่ เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยยืนยันว่า การใช้หน้าที่การงานเอื้อประโยชน์ให้แก่คนกลุ่มนี้ เป็นเรื่องที่ละเว้นให้ไม่ได้ในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่ยังเป็นข้อกังขา และต้องเคลียร์ให้ได้คือธุรกิจที่คนสองกลุ่มนี้ทำร่วมกันถูกระบุว่าเป็นกลุ่มธุรกิจสีเทา และทั้งคู่ก็รู้จักกัน เกินกว่าแก๊งอุ้มรีดค่าไถ่ กับนักธุรกิจทั่วไป แต่อาจเป็นการก่อคดีอุกฉกรรจ์ เพราะขัดผลประโยชน์ในราชอาณาจักรไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ตร.แจ้ง 2 ข้อหาหนัก "โชเฟอร์แท็กซี่" ชนแม่ชาวลาวอุ้มลูกข้ามทางม้าลายเสียชีวิต
"หมอวรงค์" สวนกลับ "คณะรวมพลังแผ่นดินฯ" โดนดิสเครดิต เรียกร้องรัฐประหาร "นันทิวัฒน์" ซัดกลัวจนหูอื้อ
รองปธน.ไต้หวันถูกเจ้าหน้าที่จีนขับรถตามขณะเยือนเช็ค
จันทบุรี น้ำใจแนวหลังสู่แนวหน้า นำ อาหาร-ยารักษาโรค-ยางรถยนต์ มอบให้ทหารพราน นย.
“นกเค้าแมว วปอ.66” เติมสุขเด็กกำพร้า มอบน้ำสะอาด-เลี้ยงอาหารกว่า 1,000 ชีวิต
“ฮุน มาเนต” เคลื่อนไหว หลังไทยผ่อนผัน รถสินค้าเข้า-ออกด่าน จ.สระแก้ว ย้ำกัมพูชาจะเปิดด่านทันที หากไทยเปิดก่อน อยากกลับสู่ภาวะปกติ
“เสรี” ประเมิน “นายกฯ” ไม่น่ารอด โดนหลายคดี มวลชนมากมายขับไล่ ต้องเลือกยุบสภา-ลาออกเท่านั้น
สื่อนอกตีข่าวคนไทยชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรี
จบแล้ว ศึกชิงคลื่น 5G กสทช. " 2 ค่ายยักษ์มือถือ" ลุยแข่ง ความถี่ 2,100 MHz 2,300 MHz มูลค่าพุ่งกว่า 4 หมื่นล้าน
"แม่ทัพภาคที่ 2" ร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ นศ.มทส. เล่าย้อนชีวิตสมัยเรียน ปลุกคนรุ่นใหม่ รักชาติ-แผ่นดิน ยันไม่ยอมเสียดินแดนแม้ตารางนิ้วเดียว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น