“ฮุน มาเนต” เคลื่อนไหว หลังไทยผ่อนผัน รถสินค้าเข้า-ออกด่าน จ.สระแก้ว ย้ำกัมพูชาจะเปิดด่านทันที หากไทยเปิดก่อน อยากกลับสู่ภาวะปกติ
ข่าวที่น่าสนใจ
กองกำลังบูรพาประกาศ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาตรวจราชการ และประชุมหารือประเด็นผลกระทบมาตรการการควบคุมด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2568 โดยให้หน่วยงานความมั่นคง ได้ประชุมหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการการควบคุมชายแดน และที่ประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย –กัมพูชา ได้มีมติเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2568 ให้มีการผ่อนผันให้รถขนส่งสินค้าไทยที่ตกค้าง และรถขนส่งสินค้าตามใบขนสินค้าขาออกหรือใบขนสินค้าผ่านแดน ที่ได้ส่งข้อมูลเข้ามาในระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร ก่อนวันที่ 25 มิ.ย.2568 ข้ามไปยังกัมพูชาและกลับเข้ามายังราชอาณาจักรไทย
เพื่อเป็นการลดผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนตามหลักมนุษยธรรม และเพื่อให้การปฏิบัติการควบคุมสอดคล้องกับการดำเนินการ กองกำลังบูรพา จึงขอประสานให้หน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
– ให้ผ่านเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน- สตึงบท ได้วันละไม่เกิน 50 คันต่อวัน (ขาออก 50 คัน, ขาเข้า 50 คัน) ตั้งแต่ 08.00 – 16.00 น.
-ให้ผ่านเข้า-ออก ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน ได้วันละไม่เกิน 50 คันต่อวัน (ขาออก 50 คัน, ขาเข้า 50 คัน) ตั้งแต่ 08.00 – 16.00 น.
– ให้ผ่านออกทางจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ ได้วันละไม่เกิน 20 คันต่อวัน (ขาออก 20 คัน, ขาเข้า 20 คัน) ตั้งแต่ 08.00 – 12.00 น.
โดยรถขนส่งสินค้าที่ได้ออกไปขนส่งสินค้า และรถขนส่งสินค้า ที่ยังมิได้กลับเข้ามานับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.2568 ให้กลับเข้ามาในราชอาณาจักรได้ โดยต้องไม่มีสินค้าบรรทุกกลับเข้ามาด้วย
ทั้งนี้ให้หน่วยที่รับผิดชอบเริ่มดำเนินการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน
ล่าสุดทางด้านพลเอกฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงประกาศของกองกำลังบูรพาว่า เช้าวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2568 เจ้าหน้าที่กัมพูชาได้รับหนังสือจากฝ่ายไทยในจังหวัดสระแก้ว ขอให้เปิดจุดผ่านแดนกัมพูชา-ไทยบางแห่ง และอนุญาตให้รถบรรทุกเข้า-ออกได้ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อการดำรงชีพของประชาชน
ขอฝากข้อความแสดงความดีใจไปยังประชาชนทั้งสองประเทศ ดังนี้
1. กัมพูชาเข้าใจดีถึงความยากลำบากของชาวกัมพูชาและชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากการปิดพรมแดน ดังนั้นกัมพูชาจึงไม่เคยใช้มาตรการปิดพรมแดนนี้มาก่อน นับตั้งแต่ปัญหาในพื้นที่มอมเบยเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2568 เนื่องจากกัมพูชาไม่มีเจตนาที่จะขยายพื้นที่พิพาทหรือก่อให้เกิดปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางและการค้าของคนไทยและกัมพูชาตามแนวชายแดน
2. กัมพูชาไม่ใช่ประเทศแรกที่ปิดและเปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียว กองทัพไทยได้ปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียว ปรับเวลาเปิด-ปิด และกำหนดข้อจำกัดการเดินทางของพลเมืองตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 นอกจากนี้ กองทัพไทยยังคงเปลี่ยนแปลงเวลาเปิด-ปิดจุดผ่านแดนบางแห่งฝ่ายเดียวจนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เมื่อรัฐบาลไทยประกาศปิดจุดผ่านแดนทั้งหมดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
3. ความไม่แน่นอนและการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในจุดยืนทางการเมืองของรัฐบาลไทย ประกอบกับความไม่สอดคล้องกันระหว่างหลักการที่ผู้นำทางการเมืองของไทยเสนอกับการปฏิบัติจริงในพื้นที่ของกองทัพไทย ได้สร้างอุปสรรคต่อการค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่ชัดเจน แท้จริง และยั่งยืน
4. ดังที่ฉันได้กล่าวไปหลายครั้งแล้วว่า การแก้ไขปัญหาการปิดพรมแดนนั้นแก้ไขได้ง่าย หากฝ่ายไทยซึ่งปิดพรมแดนฝ่ายเดียวตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เปิดพรมแดนฝ่ายเดียวกลับไปสู่สถานะเดิม และให้คำมั่นอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการปิดพรมแดนฝ่ายเดียวอีกต่อไป กัมพูชาจะเปิดพรมแดนฝ่ายกัมพูชาต่อไปอีกนาน 5 ชั่วโมงต่อมา กล่าวโดยสรุปกุญแจสำคัญอยู่ในมือของฝ่ายไทย
ดังนั้น สำหรับทางการไทยและประชาชนชาวไทยที่ต้องการให้ชายแดนกัมพูชา-ไทยเปิดอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องไปขอร้องกัมพูชา ขอให้ผู้ที่มีอำนาจแท้จริงในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นกองทัพหรือใครก็ตาม เปิดชายแดนให้กลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนวันที่ 7 มิถุนายน 2568 และให้คำมั่นชัดเจนว่าจะไม่ปิดหรือเปิดชายแดนโดยสุ่มอีกต่อไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ภาวะปกติเหมือนเดิม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง