“โรคหัวใจในเด็ก” เปิด 4 ข้อสังเกต ที่ผู้ปกครองควรทราบ

โรคหัวใจในเด็ก

"โรคหัวใจในเด็ก" กรมการแพทย์ เปิด 4 ข้อสังเกต ที่ผู้ปกครองควรทราบว่าเด็กกำลังเป็นโรคหัวใจหรือไม่ รู้ให้ทันเพราะอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

“โรคหัวใจในเด็ก” ลูกเป็นโรคหัวใจ โรคหัวใจในทารกแรกเกิด โรคหัวใจในวัยรุ่น โรคหัวใจ หนึ่งโรคร้ายที่อันตรายถึงชีวิต ล่าสุดทางด้าน กรมการแพทย์ ได้เปิด 4 ข้อสังเกตว่าเด็กเป็นโรคหัวใจหรือไม่ ผู้ปกครองควรรู้ให้ทันเพราะไม่เพียงแต่ทำให้เด็กมีพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่ช้ากว่าวัย แต่อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ติดตามเรื่องราวทั้งหมดนี้ที่ TOP News

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ให้ข้อมูลว่า โรคหัวใจสามารถเกิดขึ้นในเด็กทุกกลุ่มอายุ ผู้ปกครองที่ดูแลเด็กโรคหัวใจควรทราบถึงชนิดของโรคหัวใจชนิดนั้น ๆ รวมถึงมีความรู้และความเข้าใจในยาที่เด็กได้รับ รวมถึงการเฝ้าระวังโรคแทรกซ้อนและสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องพามาพบแพทย์

 

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหัวใจในเด็กสามารถแบ่งออกได้ เป็น 2 ประเภท คือ

  • โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
  • โรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง

โดยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดพบในเด็ก 8 คน จาก 1,000 คน ซึ่งเด็กเป็นตั้งแต่อยู่ในครรภ์ บางคนทราบตั้งแต่เด็กยังอยู่ในครรภ์มารดา แต่ส่วนใหญ่ตรวจพบตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้อยที่อาการไม่ชัดเจนอาจตรวจพบในภายหลัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหัวใจ ซึ่งบางโรคแสดงอาการตั้งแต่เป็นเด็กแรกเกิดหรือบางกลุ่มโรคเด็กมีอาการตอนโต

 

 

โรคหัวใจในเด็ก

 

 

สำหรับโรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง มีสาเหตุและปัจจัยที่แตกต่างกัน เช่น โรคหัวใจรูมาติก เกิดจากไข้รูมาติก ทำให้มีลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบ ส่วนใหญ่พบในเด็กวัยเรียน โรคคาวาซากิ มักพบในเด็กเล็กน้อยกว่า 5 ปี อาจพบการโป่งพองของเส้นเลือด เกิดเป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันได้ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส สามารถทำให้เกิดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ โรคหัวใจวายจากการขาดวิตามินบี 1 ซึ่งหากรับประทานอาหารครบหมู่จะสามารถป้องกันโรคหัวใจนี้ได้

 

 

โรคหัวใจในเด็ก

 

 

 

นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า ความรุนแรงของโรคหัวใจ ในเด็กนั้นไม่เพียงแต่ทำให้เด็กมีพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่ช้ากว่าวัย แต่อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ดังนั้นผู้ปกครองควรสังเกตอาการดังต่อไปนี้

  1. อาการหายใจหอบเหนื่อยง่าย
  2. อาการเล็บหรือตัวเขียว
  3. อาการเจ็บหน้าอก ใจสั่น หน้ามืด หรือเป็นลมบ่อย ๆ
  4. ผู้ป่วยบางรายไม่มีอาการแต่แพทย์ตรวจพบเสียงหัวใจผิดปกติก็ควรได้รับการตรวจจากกุมารแพทย์โรคหัวใจ

 

ทั้งนี้ โรคโดยส่วนใหญ่จะวินิจฉัยได้จากการทำคลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram) เมื่อกุมารแพทย์โรคหัวใจตรวจวินิจฉัยพบว่าเด็กเป็นโรคหัวใจชนิดใดแล้ว จะสามารถวางแผนการรักษาโดยการให้ยารักษา การทำหัตถการเพื่อซ่อมแซมความผิดปกติ หรือการผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้า ทำให้แพทย์สามารถทำการรักษาเด็กที่เป็นโรคหัวใจได้มากขึ้น ผลการรักษาดีขึ้น

 

 

โรคหัวใจในเด็ก

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการแพทย์ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สันติสุข" เทียบเจ็บ "ฮุน เซน" เหมือนคนคลั่งยา จับสมาชิกครอบครัวเป็นตัวประกัน ปลุกระดมทะเลาะไทย พาคนในชาติเดือดร้อนทั่วหน้า
วธ.เตรียมจัดใหญ่งานมหกรรมวัฒนธรรมแห่งชาติ วิถีถิ่น วิถีไทย กลางใจกรุงเทพฯ มางานเดียวเหมือนได้เที่ยวทั่วไทย
เพื่อไทยกร้าวสุด "สส.อีสาน" เล่นใหญ่ เสนอกลางวงประชุมพรรค ลั่นถึงเวลาทวง "มหาดไทย" คืน
กลาโหมกัมพูชากล่าวหาไทยละเมิด MOU 2543
สถานทูตในอิหร่านเตือนคนไทยออกจากเตหะราน
ครม. เห็นชอบแต่งตั้ง "เกษร" เป็นผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย
อิสราเอลขู่คาเมเนอีระวังมีชะตากรรมเหมือนซัดดัม
ศน. ประกาศผลประกวดบรรยายธรรมระดับประเทศ 24 เยาวชนคนเก่ง รับโล่พระราชทาน "กรมสมเด็จพระเทพฯ"
“ไพบูลย์” ย้ำพปชร.ไม่ร่วมรัฐบาล “นายกฯอิ๊งค์” หาก “ภูมิใจไทย” ถอนตัวจากพรรคร่วม
สร.รฟท. ลงพื้นที่อีสาน ให้กำลังใจทหาร "ตาเมือนธม" คารวะทำหน้าที่ ปกป้องอธิปไตยแผ่นดิน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น